สงวนลิขสิทธิ์บทความในบล็อก

MarryBeam.com เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เนื้อหาทั้งหมดในบล็อก merrybeamcosmetics.blogspot.com แต่เพียงผู้เดียว ไม่อนุญาติให้ผู้ใดนำไปคัดลอก ดัดแปลง และใช้กับกิจการการค้าของท่าน ยกเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อกเป็นลายลักษณ์อักษรเสียก่อน มิเช่นนั้นจะถือว่าท่านได้ทำผิด พรบ.ลิขสิทธิ์และเรามีอำนาจตามกฎหมายในการดำเนินการในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ได้ค่ะ

สำหรับผู้ที่พบเห็นการนำข้อความหรือรูปภาพในบล็อกนี้ไปใช้ ขอความกรุณาแจ้งกลับมาที่ rinyabhatr@gmail.com ทางเราจะมีของตอบแทนให้ตามความเหมาะสมค่ะ ขอบคุณค่ะ
Showing posts with label สิวเรื้อรัง. Show all posts
Showing posts with label สิวเรื้อรัง. Show all posts

Monday, August 2, 2010

เปิดสั่งจองผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ล่าสุด สมุนไพรจีน100%เพื่อผิวสุขภาพดีแบบสาวจีน

ฉลากของยาน้ำสมุนไพรค่ะ

จากที่บีมได้รับฟังเรื่องราวของเพื่อน ๆ ที่เป็นสิวทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่มาเป็นเวลาครบ 1 ปีเต็ม (สิงหาปีที่แล้วบีมเริ่มทำบล็อกสิวค่ะ)

จากประสบการณ์การรักษาสิวแบบส่วนตัวมา 1 ปีกว่า ๆ

และจากประสบการณ์การจัดเซ็ตผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและ skincare ให้กับลูกค้ามาเป็นเวลากว่า 8 เดือน

ทำให้บีมได้ข้อสรุปว่า

ผู้หญิงเป็นสิวมากกว่าผู้ชาย
ผู้หญิงหายเป็นสิวยากกว่าผู้ชาย
ผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นสิวฮอร์โมน
ผู้หญิงที่อายุมากกว่าจะมีแนวโน้มเป็นสิวเรื้อรังมากกว่าผู้หญิงที่เด็กกว่าและเกี่ยวข้องกับปัจจัยด้านสุขภาพมากกว่า

โดยรวมแล้วผู้หญิงมีปัญหาผิวมากกว่าผู้ชาย...

เดี๋ยวขอเล่าประสบการณ์ของตัวเองเข้าไปสักเล็กน้อยนะคะ เกี่ยวกับเรื่องของฮอร์โมน

เรื่องแรก เมื่อปลายปีที่แล้วบีมแพ้มะขามเปียก หน้าเยินมากจนไม่กล้าถ่ายรูป และห่างหายการอัพรูปในบล็อกไปช่วงนึงเพราะตอนนั้นแอบรับไม่ได้กับรูปถ่ายที่จะออกมาค่ะ ก็แอบเสียดายที่ตอนนี้เลยไม่มีหลักฐานให้ดูเลยว่า อาการแพ้อย่างแรงมันเป็นยังไง ^^

เสร็จแล้วก็พักหน้ายาวเลย ไม่ทำอะไรสักอย่าง ล้างหน้าอย่างเดียวยังเจ็บปวดเลยค่ะ

คุณแม่ท่านสงสารมาก ๆ ไม่รู้จะทำอย่างไร ไอ้เราก็ผอมอยู่แล้ว กินอะไรมากก็ไม่ได้ ส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นน้ำปั่นผักผลไม้ค่ะ กับข้าวกินบ้างล่ะ แต่ไม่เยอะ ก็เลยปรึกษากับคุณแม่ดูว่า ลองกินยาคุมดีมั้ย ก็เลยลองนะ เป็นยี่ห้อ Yasmin (ก็หาข้อมูลจากในเน็ตนี่ล่ะค่ะ)

โอ้โห...กินประมาณ 5 วันเท่านั้น สิวขึ้นหลัง ขึ้นอกเป็นเม็ดเล็ก ๆ เยอะเลย ทั้งที่บีมก็ไม่ได้ทำกิจวัตรอะไรต่างไปจากที่เคยดูแลตัวเองตลอดมา แถมที่หน้าก็ขึ้นซ้ำเติมอีก

บีมไม่ได้บอกว่ามันไม่ดีนะคะ เพราะหลายคนกินก็บอกว่าดีใช่มั้ยคะ แต่บีมแพ้และบีมไม่คิดจะกินต่อ ก็หยุดเอาไว้เท่านั้นเลย ไม่เอาแล้ว กลัวกู่ไม่กลับ

บีมคิดว่านั่นคือ อาการแพ้ยาคุมของบีม ซึ่งแน่นอนว่า สิวที่ขึ้นมาเกิดจากฮอร์โมนหรือการสื่อสารที่ผิดปกติของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายค่ะ

แบบนี้แหละที่เรียกว่า สิวฮอร์โมนชัด ๆ เลย คือ ไม่ได้ทำอะไรผิดแผกแตกต่างไปจากเดิม ดูแลสุขภาพดีทุกอย่าง แต่สิวขึ้นเฉยเลย

ยังไม่พอนะคะ ที่บีมกล้าสรุปว่าเป็นที่ยาคุมก็คือ พอเลิกทาน สัปดาห์เดียวก็หายไปเลยสิวที่ว่านั้น ทั้งหลัง ทั้งอก ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดค่ะ

เรื่องต่อมา บีมได้ลองทานยาสตรีหมอเส็ง ซึ่งขวดที่บีมทานนั้นแอบไม่เจอในเว็บ google เป็นกล่องสีส้ม ๆ น่ะค่ะ ซื้อที่ร้านขายยา

ก็ได้มารู้ทีหลังว่า มันจะมี "หัวเชื้อ" กับ "หางเชื้อ" ของยา

หัวเชื้อเค้าขายกันที่สามพันอัพใช่มั้ยคะ http://www.yabamrung.com/?%C2%D2%CA%B5%C3%D5%CB%C1%CD%E0%CA%E7%A7,42

สงสัยที่บีมกินต้องเป็นหางเชื้อแน่เลย 180 บาท อะอะ

ก็ไม่รู้ว่าของจริงของปลอมล่ะ เห็นร้านยาใหญ่เล็กที่นี่ก็มีแต่ขวดส้ม 180 บาทนี่แหละค่ะ

แต่มันเวิร์คดีจริง ๆ ทั้งเรื่องเลือดลม เจริญอาหาร และก็ผิวพรรณที่ละเอียดและหน้าใสขึ้น สิวลดลง

นี่ก็เป็นอีกข้อหนึ่งที่บีมรู้สึกว่า "ถ้าเลือดลมหรือการไหลเวียนของน้ำและลมในร่างกายดี ผิวจะดีไปด้วย"

เรื่องที่สาม คือ ต่อจากยาสตรีหมอเส็ง บีมมีโอกาสได้ทานยาหม้อสมุนไพรไทยเป็นครั้งแรกที่เรียกว่า "ยาโสภณ" ซึ่งเป็นยาปรับสมดุลธาตุในร่างกายที่บีมติดต่อซื้อมาจากคุณหมอแผนไทยที่กรุงเทพค่ะ

ก็ทานได้ 1 เดือนแล้วถึงเดินทางไปมาเลย์ จริง ๆ ต้องทานต่อกัน 3 เดือน

แต่ทานแค่เดือนเดียวก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับผิวพรรณ และบีมยังจำได้ว่า คุณหมอบอกว่า ปัญหาผิวของผู้หญิงส่วนใหญ่ก็เกี่ยวข้องกับเลือดลมนั่นแหละ เพราะถ้าเลือดลมมันดี ไหลเวียนดี ทุกอย่างก็จะโอเคแล้ว ผิวก็จะดีด้วย

บีมก็จำคำพูดนี้มาถึงทุกวันนี้ค่ะ บีมเลยบอกว่า เพื่อน ๆ ควรจะเคลื่อนไหวร่างกายให้ได้อย่างน้อย 15 นาทีในแต่ละวัน ถ้าไม่มีเวลาขอให้ได้แกว่งแขนสัก 15 นาทีหรือ 300 ครั้งก่อนนอน และเอาเลือดลงหัวบ้างค่ะ คือ นอนให้หัวต่ำกว่าเท้าโดยเอาลงจากขอบเตียง หรือใครไปเล่นโยคะ มันจะมีท่าที่เอาหัวลง เอาเท้าขึ้นบนอะไรแบบนี้ เพราะปกติเลือดมันไปทางเดียวไงคะ ตามแรงโน้มถ่วงก็ไปลงเท้า และขึ้นมาที่หัวยาก แต่ถ้าเราลองช่วยร่างกายโดยเอาหัวลงบ้าง เลือดจะได้ไหลมาทางสมองและผิวหน้าได้มากขึ้นค่ะ สารอาหารจะได้มากที่นี่เยอะขึ้น ป้องกันโรคอะไรที่ก็ตามที่จะเกิดกับสมอง และจะได้นำสารอาหารที่มีประโยชน์และเลือดมาเลี้ยงผิวด้วย

ประเด็นคือ ขอให้สม่ำเสมอ วันละเล็กละน้อยก็ยังดี

แต่ถ้าไม่ทำเลย เลือดลมไหลเวียนไม่ดีเลย ก็ยากที่ผิวและสุขภาพจะดีขึ้นค่ะ

เรื่องถัดมาเกี่ยวกับฮอร์โมนนะคะ คือ ตอนที่บีมหน้าเกลี้ยงอย่างมากมายแล้วในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อยู่ดี ๆ สิวก็ขึ้นหลังขึ้นอกขึ้นหน้าในบริเวณที่ไม่ขึ้นนานแล้ว และเยอะมาก เป็นเม็ดเล็ก ๆ ที่เตรียมขึ้นมาอักเสบ ทั้งที่บีมก็ดูแลตัวเองดี ก็เอะใจว่าเกิดอะไรขึ้น

เริ่มไม่ค่อยอยากกินอะไรและเหม็นเต้าหู้ เหม็นปลา

สรุปว่ามารู้ว่ามีน้องตอนเดือนเมษายนค่ะ

อันนี้แหละ สิวฮอร์โมนขนานแท้อีกอันหนึ่ง คือ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเคมีในร่างกายค่ะ (อย่างใหญ่หลวง)

สิวก็เบาบางจางลงไปพร้อมกับหายแพ้อาหาร

ตอนแรก ๆ ไม่กล้าใช้ skincare หรือทานอาหารเสริมอะไรเลย เพราะกลัวกระทบพัฒนาการของน้อง สิวก็อยู่แบบนั้น

ก็ตัดสินใจไปหาซื้อสมุนไพรสำเร็จรูปมาใช้รักษาสิว เป็นประเภทขัด พอก

โอ้โห...อีกระลอกเลย แพ้ค่ะ

ใช้ได้ 4 วันรู้สึกว่าไม่ใช่ละ

สิวแพ้เนี่ย มันจะเป็นเม็ดเล็ก ๆ และเหมือนจะทุกรูขุมขน หัวไม่มีด้วย

หยุดเลยค่ะ แล้วก็หยิบมาส์กสาหร่ายนี่แหละมาใช้พอกทุกคืน ใช้แค่อย่างเดียวเลย และสิวก็เบาบางลงไปเรื่อย ๆ

..........................................

สรุปว่ามันมีอยู่ 4-5 เหตุการณ์ที่บีมเล่ามาซะยาว เพื่อที่จะบอกว่า สิวฮอร์โมนมันจะเป็นลักษณะประมาณนี้ และต่อให้เราดูแลสุขภาพดีเต็มร้อย แต่ถ้าฮอร์โมนหรือเคมีในร่างกายเสียสมดุล ซึ่งผู้หญิงมันเปลี่ยนทุกเดือนอยู่แล้ว จึงทำให้ต้องเป็นสิวฮอร์โมนทุกเดือนไปเลยใช่มั้ยคะ ที่เราเคยมีอยู่แล้ว ยิ่งเยอะเข้าไปใหญ่เลย

ยิ่งผู้หญิงสมัยนี้ทำงานเก่ง พึ่งตัวเองได้มากขึ้น ก็จะมีเวลาดูแลตัวเองน้อยลง เวลาออกกำลังกายหรือดูแลเรื่องอาหารอาจจะไม่ค่อยมี

ประจวบเหมาะกับที่ทางบริษัทที่ผลิตสินค้าให้บีมเค้าได้พัฒนาสูตรยาสตรีตัวนี้ขึ้นมาในช่วงที่บีมพอมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างสิวกับฮอร์โมนที่แปรปรวน

บีมก็เลยมองเห็นว่า สำหรับคนที่อยากจะรักษาผิวจากภายในด้วยสูตรสมุนไพรจีนดั้งเดิม 100% เป็นสูตรสมัยที่คุณแม่ยังสาว แต่มีการปรับสูตรให้เป็นตัวที่ทานแล้วไม่หิวบ่อย ไม่อวบอ้วนขึ้น

วัตถุดิบคุณภาพนำเข้าจากจีนโดยตรงและผ่านการตรวจสอบและจดทะเบียนกับทางกระทรวงสาธารณสุขเรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนที่แล้ว

และเหมาะกับคนที่ไม่มีเวลามาต้มยากินเอง

พูดง่าย ๆ คือ เหมาะกับ
  • ผู้หญิงที่มีปัญหาสิวหรือผิวพรรณจากฮอร์โมนไม่ปกติ
  • ผู้หญิงที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเองในเรื่องการออกกำลัง อาหาร ตามแนวองค์รวมแต่ต้องการมีระบบภายในและผิวที่สุขภาพดี
  • ผู้หญิงที่เลือดลมไหลเวียนไม่ดี ประจำเดือนมาไม่ปกติ สีผิวซีดจาง หนาวง่าย ไม่มีเลือดฝาด ผิวซีด
  • ผู้หญิงที่ดูแลตัวเองตามแนวองค์รวมครบถ้วนแล้ว แต่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาผิวในบางจุดได้
  • ผู้หญิงที่ทานยาสตรียี่ห้ออื่นแล้วไม่เห็นผลหรือมีปัญหาน้ำหนักขึ้น
  • ผู้หญิงหลังคลอดบุตรที่ต้องการให้ร่างกายกลับสู่ภาวะปกติได้เร็วกว่าปกติ ช่วยบำรุงน้ำนม ขับน้ำคาวปลาได้อย่างดีเยี่ยม (โดยเฉพาะผู้ที่ผ่าคลอดที่น้ำคาวปลาจะเหลือค้างเยอะ) และช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น
และของเราจะเป็น "หัวเชื้อ" ล้วน ๆ

ทานได้ 1-2 เดือน

ซึ่งขณะนี้สินค้าได้ผลิตออกมาแล้วค่ะ และบีมตัดสินใจว่า ถ้าหากมีผู้สนใจลงชื่อจองมากกว่า 50 ท่าน บีมจะสั่งของมาภายในเดือนนี้หรือเดือนหน้าเลย เพราะเป็นช่วงโปรฯที่ลูกค้าจะได้ซื้อในราคาเพียงขวดละ 1900 บาทเท่านั้นค่ะ ซึ่งถ้าเลยเดือนหน้าไป ราคาจะต้องอยู่ที่ 2500 บาทแล้วค่ะ

บีมเองไม่ได้ไม่เสียอะไรกับตรงนี้อยู่แล้วค่ะ แต่ที่มานำเสนอเพราะเห็นว่า ผู้หญิงหลายคนเป็นสิวฮอร์โมนกันมาก ทานอาหารเสริมก็ช่วยได้เยอะเลยแต่ไม่ 100% เพราะเจ้า 10% นี้มันเกี่ยวกับฮอร์โมนแล้วค่ะ ซึ่งอาหารเสริมจะไม่ได้ไปออกฤทธิ์ ณ จุดนั้น อาหารเสริมจะเน้นทำความสะอาดเซลล์ ซ่อมสร้าง บำรุงเซลล์ และขับล้างพิษในระบบทางเดินอาหารและลำไส้ แต่จะไม่ได้ช่วยเรื่องเลือดลม

ก็เลยอยากให้ทานกันจริง ๆ ค่ะ ซึ่งลูกค้าที่ตั้งงบไว้ทาน Collagen+C สามารถเปลี่ยนมาทานตัวนี้แทนได้ค่ะ ควบคู่ไปกับ Dtox เพราะงบที่ต้องซื้อ Collagen+C กับยาน้ำตัวนี้จะเท่ากันเลยคือ 1900 บาท แต่ยาน้ำสามารถทานได้นานกว่าค่ะ คือ 1-2 เดือน

แต่ผู้ชายทานไม่ได้นะคะ ^^ ส่วนใหญ่ผู้ชายนี่ Collagen+C และ Dtox ก็เอาอยู่แล้วค่ะ เพราะร่างกายเค้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทุกเดือนเหมือนผู้หญิง จึงไม่มีปัญหาฮอร์โมนค่ะ ยกเว้นท่านที่เครียดจัดหรือสุขภาพแย่มาก ๆ ก็ต้องเป็นยาน้ำของผู้ชายไปอีกเซ็ตค่ะ ^^

ถ้าครบ 50 รายชื่อ บีมสั่งทันทีเลยค่ะ ไม่เกินเดือนหน้าจะได้ในราคา 1900 บาท
แต่ถ้าไม่ถึง 50 รายชื่อที่จองเข้ามา บีมจะชะลอไปจนกว่าจะมีผู้สนใจเพิ่มขึ้นจึงจะสั่งมา ซึ่งอาจจะเป็นปลายปีเลยค่ะ ถึงตอนนั้นราคาจะอยู่ที่ 2500 บาทค่ะ


สามารถแจ้งความจำนงจองสินค้าตัวนี้ได้ที่อีเมล rinyabhatr@gmail.com ได้เลยนะคะ ^^ ขอบคุณค่ะ

Saturday, June 26, 2010

หลักพื้นฐานที่ควรปฏิบัติเพื่อผิวสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

เพื่อน ๆ เคยสงสัยมั้ยคะว่า ทำไมบีมถึงชอบใช้คำว่า "ยั่งยืน" หรือ Sustainable

บีมชอบคำว่า "ยั่งยืน" และชอบใช้คำนี้ และคำ ๆ นี้ก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในปรัชญาการดำรงชีวิตของบีมไปแล้วค่ะ ในทุก ๆ เรื่อง

คำว่ายั่งยืน ไม่ว่าคนอื่นจะแปลความหมายว่าอย่างไร แต่สำหรับบีมแล้ว คำว่ายั่งยืนหมายถึง ความต่อเนื่อง ความสมดุล ความพอเหมาะ ความพอดี และพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่ฝืนธรรมชาติ

ยกตัวอย่างคำว่า ยั่งยืน ในบริบทอื่น เช่น การเรียนหนังสือ

บีมเคยมีวิถีชีวิตแบบ "ไม่ยั่งยืน" มาก่อน รวมทั้งการเรียนหนังสือค่ะ

จำได้ว่า ตอนเรียนนั้น บีมไม่ทำกิจกรรมอย่างอื่นสักเท่าไหร่ค่ะ เรียนอย่างเดียว เราจะรู้สึกแปลกแยก และเหงา ๆ มีเพื่อนแต่เหมือนไม่มีนะคะ ทั้งที่เพื่อน ๆ ก็แสนดีกับเรา แต่เราเป็นคนชอบขังตัวเองอยู่ในโลกส่วนตัว

คิดอยู่แต่ว่า จะเรียนให้ชนะคนอื่นต้องทำยังไง

กลับมาตอนเย็น ก็ไม่ไปเล่นที่ไหนนะคะ นั่งอ่านหนังสือตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึงเที่ยงคืนทุกวัน ชีวิตแบบนี้เริ่มตอน ม.5 มั้งคะ บางวันก็ถึงตี 2

คือ มีแต่เรียนกับเรียน

ในที่สุด ก็ประสบความสำเร็จในการเรียน แต่อย่างอื่นในชีวิต คือ
  1. ความสัมพันธ์กับเพื่อนและครอบครัว (ติดลบอย่างแรง)
  2. สุขภาพ (ภูมิแพ้หนักขึ้นเรื่อย ๆ ปัญหากระเพาะ-ลำไส้ที่หนักขึ้น ความเครียด)
  3. ผิวพรรณ (ไม่มีเค้าผิวเด็กอายุวัยทีนเลย ถ้าไม่หาหมอหน้าจะโทรมมาก ๆ)
  4. การมองโลก (ติดลบมาก)
  5. ฯลฯ
อย่างอื่นล่มหมดเลยค่ะ ชีวิตไม่มีความสุขเลย

ชีวิตแบบนี้ จึงเรียกว่า ไม่สมดุล ไม่พอเหมาะ ไม่พอดี จึงไม่ยั่งยืน เราจึงดำเนินชีวิตแบบนั้นต่อไปไม่ได้

เมื่อมาพูดเรื่องสิว ฝ้า และผิวพรรณ วิถีทางที่ยั่งยืน หรือ สายกลางนั้น มันมีอยู่เหมือนกับเรื่องอื่น ๆ ในชีวิต

มันจะมีทางหนึ่งที่สมดุลและเราสามารถดำเนินวิถีทางนั้นต่อไปได้โดยที่ เราพอใจ เราสุขใจ และผลลัพธ์ก็ออกมาน่าพอใจอยู่เสมอ ๆ

ที่ผ่านมา บีมเคยหาหมอใช่มั้ยคะ บีมไม่โจมตีนะคะว่าการไปรักษาที่คลินิกนั้นไม่ดี เพียงแต่ว่า สิ่งที่บีมได้รับมันไม่น่าพอใจสำหรับบีมเท่านั้นเองค่ะ เพราะบีมไม่ชอบทายารักษาสิว กลิ่นมันเหม็นและทำให้หน้าที่แม้จะเรียบแต่รูขุมขนจะกว้างและมันเร็วมาก จะเลิกยาก็ไม่ได้ จะใช้เครื่องสำอางอื่นบำรุงก็กลัวว่าสิวจะขึ้นอีก ตากแดดก็ดำเร็ว กินยาก็มีปัญหากระเพาะลำไส้ ปัญหาตาแห้ง ภูมิแพ้ขึ้น ผมร่วง ไขมันในเลือดสูง บีมไม่ชอบน่ะค่ะ ก็ไม่อยากกลับไป อยากจะหลุดออกมา แต่ถ้าใครเจอคลินิกที่ดี เจอหนทางที่ตัวเองพอใจ ก็ดีแล้วค่ะ อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบและทัศนคติของแต่ละคน แต่ขอให้เข้าใจค่ะว่า บีมไม่มีเจตนาโจมตีคลินิกต่าง ๆ ค่ะ มันเป็นแค่ความรู้สึกส่วนตัวที่บีมไม่ชอบไปหาหมอ

สมัยนี้ก็มีคลินิกขึ้นมามากมาย วิธีรักษาก็มากมาย เลเซอร์เอย อะไรเอย ที่บีมยังไม่เคยลองก็มีมาก แต่ก็คิดว่าตอนนี้เราไม่ต้องไปทำอะไรแบบนั้นแล้ว บีมพอใจผิวที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ของบีมแล้ว ก็รอดูหลังจากคลอดน้องว่า ผิวของเราจะเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้ฮอร์โมนสูงและความเปลี่ยนแปลงก็สูงค่ะ จึงกำหนดควบคุมอะไรไม่ได้ และบีมก็ไม่อดอาหาร คือ กินปกติไปเลย เพราะกลัวลูกจะได้รับสารอาหารไม่ครบ ซึ่งผิวหน้าที่มีอยู่ทุกวันนี้ก็พอใจแล้วค่ะ ก็ประคองกันไปแบบนี้ก่อน แล้วค่อยมาว่ากันใหม่

จากความรู้สึกที่ว่า ผลลัพธ์จากการหาหมอมันไม่ยั่งยืน และมันทำให้เราพึ่งตัวเองไม่ได้สักที และต้องเสียเงินไปเรื่อย ๆ แบบไร้จุดหมาย ประกอบกับสถานการณ์เมื่อปีที่แล้วที่ทำให้บีมต้องอยู่บ้าน และไปหาหมอยาก เดินทางยาก ก็คิดว่าต้องพึ่งตัวเองให้ได้ ต้องรักษาสิวให้หายด้วยตัวเองให้ได้ ก็ค้นพบว่า วิถีที่ยั่งยืนนั้นคืออะไร

เพื่อน ๆที่มีเวลาสามารถอ่านเนื้อหาในบล็อก "ปฏิวัติความคิดพิชิตสิว" ของบีมได้ค่ะ บีมเริ่มเขียนบล็อกเพื่อให้เป็นไดอารี่ของตัวเองในการรักษาสิวตามแนวทางของตัวเองที่ต้องพึ่งธรรมชาติเป็นหลัก และมีความรู้อื่น ๆ ที่บีมได้มาจากการค้นคว้าแล้วนำมาเผยแพร่ให้เพื่อน ๆ อ่านกัน

และต่อมา บีมคิดว่าเนื้อหาในบล็อกค่อนข้างเยอะ หลาย ๆ คนไม่สะดวกอ่านจากอินเตอร์เน็ต บีมจึงทำหนังสือ Acne (First) Aid โดยลงทุนพิมพ์เองและจำหน่ายผ่านบล็อกเท่านั้นค่ะ เป็นการรวบยอดประเด็นสำคัญ ๆ ในบล็อก และเป็นแนวทางให้เพื่อน ๆ ปฏิบัติได้เลยหลังจากที่อ่านจบ ที่บีมทำก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้เพื่อน ๆ ที่ต้องการจะเข้าใจแนวทางที่บีมทำแต่ไม่สะดวกอ่านบล็อกค่ะ

ซึ่ง ณ ตอนนี้ มันก็ยังคงมีอะไรให้เรียนรู้อีกมากมายไม่รู้จบ แต่จากประสบการณ์ทดลองของตัวเอง จากของเพื่อน ๆ ที่อัพเดทกันเข้ามา บีมขอบอกว่า การจะมีผิวที่แข็งแรงขึ้นอย่างยั่งยืนได้นั้น โดยสรุปควรจะต้องมีสิ่งต่อไปนี้ค่ะ

  • ความอดทนและใจเย็น (ร่างกายไม่ใช่เครื่องจักรค่ะ เป็นชุมชนของเซลล์เป็นพันล้านเซลล์ การปรับจำเป็นต้องอาศัยเวลา เพราะเซลล์ของร่างกายแต่ละส่วนก็จะมีอัตราการเกิด-ตายไม่เท่ากัน และในแต่ละคนก็มีต้นทุนทางกรรมพันธุ์ที่แตกต่างกัน บางคนก็ได้ผลเร็ว บางคนก็ได้ผลช้า)
  • ความช่างสังเกตและเป็นนักวิทยาศาสตร์ (จะได้ตรวจสอบ ปรับปรุงวิธีการของตัวเองไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเจอวิถีที่ตนพอใจและใช้ได้กับตัวเอง)
  • ความคิดริเริ่ม (เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมที่สุดให้กับตัวเอง เพราะสภาพร่างกายและผิวแต่ละคนแตกต่างกัน)
แนวคิดที่ควรมี คือ ผิวที่ดีนั้น แท้จริงแล้วเริ่มจากภายใน อวัยวะภายในจะสะท้อนออกมาที่ภายนอกเสมอ ๆ แต่บางคนก็มีกรรมพันธุ์ที่ดี มีต้นทุนดี ผิวพรรณแข็งแรง จึงไม่ค่อยเป็นอะไรง่าย ๆ

แต่ก็มีหลายท่าน ที่เคยโทรเข้ามาปรึกษา ซึ่งแต่ก่อน ผิวไม่เป็นอะไรเลย แต่เมื่อเวลาผ่านไป หรือได้ไปทำอะไรกับผิว ก็ทำให้มีปัญหาในภายหลังได้เช่นกันค่ะ

อะไร ๆ ก็ไม่แน่นอนค่ะ

แม้คนผิวไม่เป็นอะไร แต่ถ้าสังเกตดี ๆ เค้าอาจจะมีอาการซีด ตาบวมช้ำ หรืออาการผิดปกติของร่างกายอื่น ๆ ที่เรามองไม่เห็น

ดังนั้น อย่าไปอิจฉาใครเลยนะคะ แต่ละคนก็ล้วนแต่มีปัญหาของตัวเองทั้งนั้น

คนที่อาการแสดงออกมาที่ผิวนั้นได้เปรียบมากกว่าเพราะ จะได้เริ่มปรับตัวตั้งแต่เริ่มแรกของอาการ

บางคนเป็นสิว เพราะ ท้องผูก ถ้าสิวไม่ขึ้น ก็ปล่อยให้ท้องผูกไปเรื่อย ๆ คิดว่าไม่เป็นไร ในที่สุดก็อาจจะมาได้ยินจากปากคุณหมอว่า เป็นมะเร็งระยะท้าย ๆ แล้ว

ส่วนคนเป็นสิว ถ้าแก้ที่อาการท้องผูก สิวก็อาจหายไปได้แล้วค่ะ ได้ประโยชน์สองต่อ คือ สิวหาย และ ลำไส้ก็สุขภาพดี

ความยั่งยืนที่บีมหมายถึง ณ ที่นี้ ที่อยากชี้ให้เห็นคือ นอกจากอาหารเสริมและ skin care ที่เพื่อน ๆ อาจจะกำลังตัดสินใจที่จะใช้ แม้มันจะสามารถให้ผลดีตามที่เพื่อน ๆ ต้องการ

แต่บีมไม่อยากให้เพื่อน ๆ ละเลยการดูแลเอาใจใส่ร่างกายทั้งระบบค่ะ เพราะนั่นคือการทำให้ผิวดีอย่างยั่งยืนจริง ๆ

เพราะแม้ในปัจจุบันนี้ บีมจะมาใช้เครื่องสำอาง 100% แต่บีมก็ไม่ละเลยที่จะดูแลสุขภาพให้ดีอยู่เสมอค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการนอนไม่เกิน 5 ทุ่ม ตื่นก่อน 7 โมงและถ่ายก่อน 7 โมง ทานผักผลไม้อยู่เสมอไม่ปล่อยให้ของเสียคั่งค้าง ระบายความเครียด ทำให้สุขภาพจิตดี อยู่กับธรรมชาติ และไม่ทานแป้งขัดขาวเยอะ ไม่ทานของผัด มัน ทอด เยอะ (การทาน 5 หมู่ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องกินคาร์โบฯ กับ ไขมัน เยอะขึ้นใช่มั้ยคะ ^^) และบีมก็ยังไม่ทานนมวัวอยู่ดี ทานนมถั่วเหลืองและโปรตีนจากแหล่งอื่นแทนค่ะ

ถ้าเพื่อน ๆ จะถามว่า ต้องกินอาหารเสริมนี้ไปนานเท่าไหร่ บีมก็ขอตอบว่า จนกว่าเพื่อน ๆ จะสามารถปรับระบบร่างกายให้สมดุลได้ ให้ระบบภูมิคุ้มกันเค้าทำงานเองได้ และวิธีต่าง ๆ หรือแนวคิดบีมก็เขียนไว้ใน "ปฏิวัติความคิด พิชิตสิว" แล้วค่ะ

แต่ถ้าเพื่อน ๆ ยุ่งมาก ๆ ชีวิตไม่ค่อยได้มีเวลาดูแลตัวเอง ขอให้ทำได้สัก 30-50% จากบล็อกก็พอค่ะ

โดยประเด็นสำคัญที่อยากให้ทำจนติดเป็นนิสัยคือ
  • นอนก่อน 5 ทุ่ม (เพื่อให้ตับแข็งแรง เม็ดเลือดแดงแข็งแรง ภูมิคุ้มกันแข็งแรง ซึ่งจะช่วยลดอาการติดเชื้อ อักเสบ หน้ามันในระยะยาวค่ะ)
  • ถ่ายให้สุดก่อน 7 โมงเช้า
  • ทานอาหารเช้าทุกวันให้อิ่ม (อาหารจริง ๆนะคะ ส่วนกาแฟ ยกไปเวลาอื่นเถอะค่ะ อย่าดื่มตอนเช้าเลย) อาหารเช้าสำคัญที่สุด และพยายามทานสิ่งที่มีประโยชน์ให้มากที่สุด
  • มื้อว่างเปลี่ยนจากขนมนมเนยที่มีไขมันและน้ำตาลสูงเป็นผลไม้สดที่ไม่หวานและมีไฟเบอร์เยอะ ๆ แทน หรือทานธัญพืชที่มีเส้นใยสูงค่ะ
  • ถ้าไม่สามารถทานผักสดได้วันละอย่างน้อย 1 มื้อ ควรทานอาหารเสริมที่เป็นไฟโตนิวเทรียนส์และวิตามินรวมหรือวิตามินบีรวมด้วยค่ะ
  • ออกกำลังกายให้เลือดลมหมุนเวียนทุกวัน วันละ 15 นาที หรือ 3 ครั้งใน 1 สัปดาห์ ครั้งละ 30 นาทีค่ะ
  • ระบายความเครียดให้ได้ทุกวัน โดยการเดินในที่ที่มีอากาศดี ๆ เล่นกับสัตว์เลี้ยง ปลูกต้นไม้ รดน้ำต้นไม้ นั่งสมาธิ ทำกิจกรรมสร้างสรรค์กับเพื่อน ๆ (ไม่นินทาว่าร้ายใครนะคะ ^^)
ทำแบบนี้ให้เป็นนิสัยนะคะ เพื่อปรับสมดุลให้ร่างกาย "อย่างยั่งยืน" จะได้ลดค่าใช้จ่ายด้าน skin care อาหารเสริม และยารักษาโรคในระยะยาวค่ะ เพราะ เรามีอย่างอื่นให้ enjoy อีกเยอะค่ะ อย่ามาเสียเงินกับเสียเวลาและเสียกำลังใจกับเรื่องผิวเยอะเลยค่ะ ชีวิตมันสั้นเกินกว่าจะมาเครียดแต่เรื่องผิวนะคะ ^^

เอาใจช่วยค่ะ

Wednesday, June 23, 2010

การลดความเสี่ยงจากการทดลองใช้เครื่องสำอางยี่ห้อใหม่ ๆ

ค่ะ หลังจากที่ได้เขียนเกี่ยวกับว่า ใช้ผลิตภัณฑ์ทำไมสิวขึ้นหรือหน้าลอกไปเมื่อวาน ก็รู้สึกว่า ลูกค้าหรือผู้สนใจอาจจะรู้สึกกลัวว่า มันจะเหมือนกับอะไร ๆ ที่เคยใช้มารึเปล่านะคะ

บีมมาชี้แจงต่ออีกนิดนึงค่ะว่า ผลิตภัณฑ์ของเราจะแบ่งได้เป็น
  • กลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า
  • กลุ่มบำรุงผิวพื้นฐาน
  • กลุ่มผิวขาวใสและฝ้า กระ
  • กลุ่มกันแดด
  • กลุ่มสลายไขมันและเซลลูไลท์
  • กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวตัว
  • กลุ่มอาหารเสริม
หรือแบ่งอีกแบบหนึ่งจะได้เป็น
  • กลุ่มล้างพิษผิว
  • กลุ่มรักษาสิว
  • กลุ่มรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิว
  • กลุ่ม Body
ซึ่งการจับกลุ่มแบบหลังนี้ บีมจะนำเอาอาหารเสริมกับผลิตภัณฑ์ที่มุ่งการรักษาเฉพาะปัญหาที่ลูกค้าต้องการมาไว้ด้วยกันค่ะ โดยอิงจากข้อมูลที่ได้รับจากหลายแหล่ง รวมไปถึงเคสลูกค้าหรือผู้ใช้ที่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหานั้น ๆ หรือได้รับผลลัพธ์ที่ดีขึ้นหลังจากที่ได้ใช้ และัยังเป็นการประมวลจากความรู้ของบีมตั้งแต่เมื่อยังดูแลตัวเองแนวธรรมชาติบำบัด 100% ใช้แต่สบู่และของธรรมชาติทั้งหมด จนกระทั่งมาใช้เครื่องสำอางและอาหารเสริมแบบผสมผสานกับหลักการดูแลสุขภาพดั้งเดิมของตัวเอง

บีมไม่ได้จับกลุ่มตามแบบใคร แต่จับให้ตามวัตถุประสงค์ของการใช้ผลิตภัณฑ์แต่ละประเภทจริง ๆ ซึ่งเป็นการจับกลุ่มโดยมีลักษณะเฉพาะที่กลั่นกรองมาจากความรู้และการสังเกตของบีมเองค่ะ

คราวนี้ บีมขอชี้แจงว่า การจะใช้อะไรกับใบหน้า ถือเป็น Risk หรือความเสี่ยงอย่างหนึ่ง

ความเสี่ยงในทางการลงทุน หมายถึง โอกาสที่จะได้ เสีย หรือเท่ากับที่ลงทุนไปครั้งแรกนั่นเอง

ถ้าจะถามบีมว่า การที่จะตัดสินใจมาซื้อเครื่องสำอางยี่ห้อใหม่ใ้ช้ (ไม่ว่าจะยี่ห้อใด ๆ ก็ตาม) ความเสี่ยงมีดังนี้ค่ะ
  • โอกาส ได้ เสีย เท่าทุน มีแน่นอน และมีเท่า ๆ กัน
  • เสี่ยงว่ามันจะเข้ากับผิวเรามั้ย
  • เสี่ยงว่ามันจะทำให้แพ้หรือไม่
  • เสี่ยงว่าการตอบสนองของผิวจะไปในทิศทางใด
ซึ่งการที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงนั้นหรือกระทั่งควบคุมความเสี่ยงให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้ ในทางการลงทุนในตลาดหุ้นหรืออื่น ๆ คือ การศึกษาหาความรู้ในสิ่งนั้นเิพิ่มเติม

ยกตัวอย่างเรื่องใกล้ตัวนะคะ

ขับรถยนต์ออกจากบ้าน ก็เสี่ยงแล้วค่ะ คือ 1. รถชน 2. รอดปลอดภัย

แต่สิ่งที่เราทำได้เพื่อลดอุบัติเหตุและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับเราก็คือ
  • รู้จักกลไกของรถ
  • มีความรู้เรื่องกฎจราจร
  • มีทักษะในการขับรถ
  • มีทักษะในการตัดสินใจ
  • มีสายตาที่ดี ไม่สั้น ไม่ยาว
  • มีสติขณะขับรถ
แต่ถ้าถามว่า จะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุมั้ย มีค่ะ แต่น้อยมาก ถ้าเรามีสิ่งเหล่านี้

เรื่องการใช้เครื่องสำอางก็เหมือนกัน บีมพูดรวม ๆ นะคะ ไม่ได้เชียร์เครื่องสำอางของตัวเอง คือ บีมอยากให้ทุกคนสามารถควบคุมชะตาชีวิตของตัวเองได้ ไม่โทษว่า ผิวอย่างเรา จะไปใช้อะไรไ้ด้ ใช้อะไรก็ไม่เห็นดีขึ้น ใช้อะไรก็ดูหมดหวัง มีแต่ต้องลองไปเรื่อย ๆ

ลองปรับเปลี่ยนตัวเองก่อนนะคะ ให้เป็นคนขับรถที่ดี คือ เตรียมพร้อมในหลาย ๆ อย่างเพื่อลดความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเราให้มากที่สุด โดยมีแต่ตัวคุณเองเท่านั้นที่จะทราบตรงนี้ค่ะ ไม่มีใครรู้จักตัวคุณดีเท่ากับคุณเอง และแม้บีมจะให้คำปรึกษาและแนะนำได้ แต่อย่าลืมนะคะว่า เราสื่อสารแบบไม่เห็นหน้ากัน แต่บีมพอจะประมวลจากข้อมูลที่ได้ัรับมาจากคุณอีกทีแ้ล้วแนะนำออกไปค่ะ มันอาจจะไม่ 100%

บีมชื่นชมลูกค้าและเพื่อน ๆ หลายท่านนะคะ ที่พยายามสังเกตและแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองก่อน

ค่ะ การลดความเสี่ยงหรือความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการใช้เครื่องสำอาง คือ
  • รู้จักสภาพผิวหน้าของตัวเองก่อน สำรวจว่าเคยใช้อะไรมาก่อนบ้าง สภาพปัจจุบันเป็นเช่นไร
  • ต้องการแก้ไขในจุดใด
  • ดูข้อมูลหลาย ๆ แหล่งเกี่ยวกับการรักษาผิว ณ จุดนั้น (อันนี้ขอให้ศึกษาจริงจังเลยค่ะ เอาให้ชัด เอาให้รู้จริง จะได้เป็นแหล่งข้อมูล
  • ลองเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย และความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในแต่ละวิธีที่ใช้รักษา
  • เมื่อมั่นใจแล้วเลือกก็วิธีนั้น
  • ให้เวลากับวิธีนั้น ๆ อย่างเต็มที่ประมาณ 1-3 เดือนเพื่อดูผลลัพธ์เบื้องต้นเมื่อทำเต็มที่
ไม่ว่าจะทำอะไร การศึกษาข้อมูลจากทั้งหนังสือ ผู้รู้ หรือแหล่งต่าง ๆ ที่น่าเชื่อถือได้เ็ป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกค่ะ

ใช้แล้วสังเกต ปรับปรุงให้ดีขึ้น เป็นวิถีทางในการพัฒนาทุกสิ่งรวมถึงใบหน้า

บีมเองไม่มีจุดมุ่งหมายให้ใครต้องมาเชื่อบีม 100% นะคะ เพราะ ความเชื่อใจเป็นสิ่งที่บังคับกันไม่ได้

แต่สิ่งที่บีมรู้ก็คือ บีมให้ข้อมูลที่ไม่บิดเบือนกับทุกคนที่สนใจผลิตภัณฑ์ ผลลัพธ์ที่บีมใช้มันเป็นแบบนี้ก็คือแบบนี้ ผลลัพธ์ที่ลูกค้าใช้เป็นแบบนี้ก็บอกไปแบบนี้ค่ะ

บีมรู้ตัวว่าทำในสิ่งที่ถูกต้อง และผลิตภัณฑ์ของบีมก็คัดสรรมาดีแล้วค่ะ

และอย่างหนึ่งก็คือ ลูกค้าของบีมหลายท่านงานยุ่งค่ะ และหลายท่านก็ไม่ได้เล่นเน็ตเป็นกิจวัตร ดังนั้น มันจะยากสำหรับบีมในการให้ข้อมูลที่เป็น Feedback จากลูกค้าท่านนั้น ๆ โดยตรงผ่านทางเว็บบอร์ดร้าน แล้วถ้าบีมประมวลมาเขียนเอง ก็จะดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือใช่มั้ยคะ ^^ นั่นถือเป็นข้อจำกัดที่บีมต้องเจอค่ะ แต่ไม่ซีเรียส เพราะไม่ว่ายังไงบีมก็ใช้เองอยู่แล้วด้วย ลูกค้าประจำก็ใ้ช้เรื่อย ๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องของ ความคิดและความเชื่อของผู้สนใจรายใหม่ ๆ ที่มีต่อบีมและผลิตภัณฑ์ของบีมค่ะ บีมไม่ซีเรียสตรงนี้จริง ๆ เพราะบีมบังคับไม่ได้ :))

เอาเป็นว่า บีมเข้าใจลูกค้าและผู้สนใจทุกคนเสมอนะคะ ไม่ว่าคุณจะมองบีมและผลิตภัณฑ์ของบีม บวก ลบ อะไรยังไง จะมองเหมือนยี่ห้ออื่น จะดีกว่า ด้อยกว่าอย่างไร มันก็จะเป็นของมันอยู่แบบนี้ค่ะ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เองค่ะ :)) บีมก็มีหน้าที่ให้ข้อมูลสำหรับการตัดสินใจและคอยช่วยเหลือดูแลเมื่อเวลาที่ทุกคนมีปัญหาหลังใช้ผลิตภัณฑ์

Wednesday, June 16, 2010

อัพเดทผลการรักษาสิวโหนกแก้มด้วยผลิตภัณฑ์ MerryBeam

น่าภูมิใจค่ะ ผลลัพธ์เริ่มเผยแล้ว ^^

หลังจากที่ช่วงแรก ไม่รู้ว่าจะออกหมู่หรือจ่า รู้แต่ว่า Nano Treatment Serum ช่วยเรื่องสิวได้ และบีมคิดว่าอะไรใส่ผิวแล้วยิบ ๆ สิวก็น่าจะช่วยฆ่าเชื้อได้นะ ก็ทดลองใส่เรื่อยมาค่ะ

นับมาก็เป็นเวลาสัปดาห์กว่า ๆ บีมเริ่มพอกมาส์กสาหร่ายฯตั้งแต่ประมาณปลายเดือนพฤษภาคม เพราะดันไปแพ้ผงสมุนไพรมา ทำวันแรก ออกมาหน้าสว่างใส สะอาดดี โอเคเลย

เห็นว่า วันทั้งวันของวันที่สอง ผิวก็ไม่ได้เ็ป็นอะไร เลยพอกต่อ

วันที่สองก็ให้ผลลัพธ์สะอาดใสเหมือนเดิม เช้ามาหน้าก็ดีขึ้น

วันทั้งวัน ผิวก็ไม่ระคายเคืองอะไร

เลยใช้ต่อเนื่องไปเลย 5 คืนค่ะ

สิวลดลงจริง ๆ หน้าใสสว่างขึ้นอย่างแข็งแรง เพราะเจอแดดก็ไม่สะทกสะท้านเลยค่ะ แม้ไม่ทากันแดด (ทำงานอยู่บ้าน ทามั่งไม่ทามั่งค่ะ และอยากให้สิวลดเร็ว ๆ เลยไม่ค่อยทา จะทาก็ตอนที่ทดลองกันแดดตัวใหม่ที่มาถึงมือนี่แหละค่ะ ^^)

จากนั้น มาต่อด้วย Nano Treatment Serum วันแรก ๆ เหมือนไขมันผุดขึ้นเยอะแยะ เอ...มันจะดีมั้ยหว่า ก็ยังคิดในใจ แต่คิดว่า มันดีแน่ เพราะเคยอ่านบทความมาหลายอันว่า การบำรุงจะได้ผลดี มันต้องมีขั้นตอนผลัดผิวหรือเอาเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออกก่อน

เจ้า Nano Treatment Serum ก็ช่วยเรื่องนี้แหละ แถมยังช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนด้วยค่ะ ส่วนผสมดีมาก ๆ เล็กพริกขี้หนู อัดแน่น ๆ

ตอนแรก ๆ ไม่กล้าใช้ทุกวันค่ะ แต่มาส์กนี่มั่นใจละว่าใช้ได้ทุกวันแน่นอน เพราะหน้าไม่กร้านหรืออะไรเลย ไม่แพ้ ไม่แสบ ไม่แดง ไม่ทั้งสิ้น แถมหน้ามันลดลงอีก เยี่ยม

แต่ด้วยความสงสัย ประกอบกับว่า อยากให้สิวโหนกแก้มที่น่ารำคาญยุบไปเสียที ก็จัดการทาเฉพาะบริเวณโหนกแก้มและลงมาแก้มด้านในวันเว้นวัน ล้างออกแล้วโปะด้วยมาส์กสาหร่าย ล้างออก

บางคืนก็ขี้เกียจลงมาส์ก พอหลังจากลง Nano Treatment Serum ล้างออก แล้วก็จะลงน้ำแข็ง ลูบตามแนวโพรงขน เสร็จแ้ล้วก็ลง botox & whitening serum ในชุด Advanced Botox ค่ะ ซึ่งบีมใช้ตัวตลับที่ทากลางคืนไม่ได้เพราะตัวยาผลัดผิวอาจจะกระทบต่อน้องได้ ก็ไม่ใช้ค่ะ

ดังนั้น ตัวที่ใช้ในช่วง 2 สัปดาห์นี้ ก็จะมี
  • มาส์กสาหร่ายคลายพิษ (ตัวเอกตัวแรกเลย ลดสิว & หน้าขาวสว่างใส)
  • Nano Treatment Serum (ตัวเอกในการกำจัดสิวเรื้อรังที่โหนกแก้ม ทั้งอุดตัน และอักเสบ สามารถทาได้ทุกวันนะคะ อาจจะเน้นย้ำบริเวณที่ต้องการให้หายเป็นพิเศษทุกวันได้เลย แต่ห้ามลืมลงมาส์กหรืออาหารผิวตามนะคะ)
  • Botox & Whitening Serum ในชุด Advanced Botox
  • กันแดด BB สำหรับผิวสีเข้ม
  • กันแดดเนื้อเบาไม่ปกปิด Nano Sunscreen SPF 60
  • ปัถวีบ้างนิดหน่อย สำหรับแต้มสิวอักเสบ และมีัตัวยาวิตซีสำหรับแต้มสิวเพิ่มเติม
  • แป้งฝุ่น
  • การล้างหน้าทุกเย็นจะใช้ ลอรีอัลสูตรน้ำนม เจลล้างหน้าน้ำแร่ผสมทองคำในชุด Advanced Botox และ น้ำเกลือ Klean & Kare ทุกวันค่ะ ตามแนวโพรงขน สำคัญมากๆ
  • สำลีแผ่นรีดขอบตรารถพยาบาล (ต้องบอกมั้ยนี่ ^^)
ยาไม่ได้ใช้เลยค่ะ ก็ใ้ช้เท่านี้เอง
คอลลาเจนซีก็ทานไม่ได้

แต่คิดว่าสงสัย Nutrilite Protein จะเข้ามาเสริมกำลังด้วยอีกทาง กินให้ลูก แต่รู้สึกว่าคุณแม่ก็ได้รับอานิสงค์ด้านภูมิต้านทานผิวไปด้วย

แต่ต้องบอกกันนะคะว่า การดูแลผิวเป็นสิว ต้องทำทุกอย่างควบคู่กัน

ทั้งภายนอกและภายใน

แต่ก่อนตอนทำ Amway บีมก็ทานนิวทริไลท์นะ ถามว่า ผิวดีมั้ย ดีนะคะ เีนียนดี แต่ว่าสิวไม่ลงน้า เพราะเราไม่ดูแลส่วนอื่นค่ะ ลำไส้ การพักผ่อน ฯลฯ และเครื่องสำอางไม่ถูกกับหน้าด้วย คือ ไม่ทราบวิธีการที่ถูกต้องในการดูแลภายในและภายนอก

คือ ไม่ว่าคุณจะกินอะไร ใช้ผลิตภัณฑ์อะไร ก็ขอให้ทำแบบองค์รวม ควบคู่ ๆ กันไปนะคะ จะดีที่สุดเลยค่ะ ^^ อาจจะไม่ได้เต็มร้อย แต่หัวใจของมันอยู่ที่ความสม่ำเสมอค่ะ แล้วมันจะค่อย ๆ ดีขึ้นเอง ^^

Confirm จ้า

Friday, June 4, 2010

แนะนำการเลือกใช้สำหรับสภาพผิวที่แตกต่างกัน

เนื่องจากผิวของแต่ละคนมีความแตกต่างกันเป็นพื้นฐานก่อนที่จะมาใช้เครื่องสำอาง MerryBeam

ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องทราบว่า คุณควรจะทำอะไรกับผิวก่อนหลัง เป็นลำดับ ๆ ไป เพื่อให้การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์นั้นเห็นผลและคุ้มค่ามากที่สุด

1. ผิวผ่านสมรภูมิสารเคมีและยารักษาสิว

ลักษณะของผิว

ผิวประเภทนี้จะมีความอ่อนแอมากถึงมากที่สุด คำว่า "สมรภูมิสารเคมี" หมายถึง การผ่านการใช้ครีมราคาถูก ครีมตลาดล่าง ที่มักลดต้นทุนแต่ต้องการให้เห็นผลเร็ว จึงใส่สารไฮโดรควิโนน ปรอท หรือกรดวิตามินเอ การลอกหน้า (peeling) จากผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญหรือได้รับใบอนุญาต การใช้ครีมที่ตัวเองแพ้ แต่ไม่รู้ตัว และใช้ต่อไปเรื่อย ๆ จนผดผื่นขึ้นเต็มหน้า และในที่สุดจะเป็นอุดตันและอักเสบค่ะ

บางรายที่รักษาสิว และอาจพบว่ามีอาการหน้าติดยารักษาสิว การใช้ยา BP นาน ๆ โดยขาดการบำรุงอย่างถูกต้อง ก็ทำให้ผิวถูกทำร้าย หยาบร้าน อ่อนแอลง ติดเชื้อง่าย ทำให้เมื่อไม่ได้ใช้ยาแล้ว โอกาสที่สิวผด และสิวประเภทอื่น ๆ ขึ้นมาอีกนั้นเป็นไปได้ (เพราะใน BP นั้นจะมีสารฟอกขาว (Bleaching) ที่กัดสีเสื้อผ้าให้ขาวได้ สารนี้ทำให้ผิวแห้งลง และผิวชั้นนอนหลุดลอกออก จึงทำให้สิวแห้ง และทำให้หัวสิวอุดตันเปิดอยู่เสมอ แต่ก็ทำร้ายผิวด้วยเช่นกัน)

วิธีการบำรุง
  • ให้เริ่มจากการล้างสารพิษในผิวด้วย "มาส์กสาหร่ายคลายพิษ" เป็นประจำทุกวัน จนกว่าอาการผิวบาง แพ้ แสบ แดง จะดีขึ้น จะสังเกตได้ว่า อุณหภูมิของผิวจะลดลง อาการคันยุบยิบในผิว และสิวผดจะลดปริมาณลงอย่างเห็นได้ชัด สิวอักเสบหัวจะออกเร็วขึ้น
  • งดเครื่องสำอางทุกตัวที่ใช้อยู่อย่างเด็ดขาด ใช้เฉพาะเจลล้างหน้าสูตรอ่อนโยนเท่านั้น ไม่ต้องผสมสาร เช่น สารทำให้หน้าขาว บีดส์ ใด ๆ ทั้งสิ้น
  • เมื่อผิวเริ่มมีสุขภาพดีขึ้น ให้ลง Treatment Serum เพื่อรักษาสิว ริ้วรอย จุดด่างดำ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ แล้วตามด้วยมาส์กสาหร่ายดังกล่าว
  • เมื่อสุขภาพผิวดีขึ้นแล้ว ค่อยพิจารณาใช้บำรุงตัวอื่นตามสภาพผิวหน้าและความต้องการต่อไปค่ะ
  • ระหว่างที่ฟื้นฟูสภาพผิวนี้ มาส์กและ Treatment Serum ควรแช่เย็น และควรล้างหน้าด้วยน้ำเย็นเป็นประจำ เพื่อทำให้ผิวคืนสภาพเร็วขึ้น
  • ควรทาน Dtox1 และ Collagen+C ควบคู่ไปด้วยเพื่อขับล้างสารพิษสะสมในลำไส้ เลือดและเซลล์ พร้อมช่วยเร่งกระบวนการฟื้นฟู และซ่อมแซมผิวให้เร็วขึ้นค่ะ
ระยะเวลาการฟื้นฟู
ประมาณ 2 สัปดาห์ - 1.5 เดือน (ขึ้นอยู่กับระดับความอ่อนแอของผิวและสารพิษสะสมค่ะ)

2. ผิวมีฝ้ากระ หรือจุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ

ลักษณะผิว
ผิวประเภทนี้จะมีการทำงานของเม็ดสีที่ผิดปกติ ส่วนมากเกิดจากการสัมผัสความร้อน แสงแดด หรือแม้แต่ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง

สำหรับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงนั้น จะมี 2 ลักษณะคือ
1. ผู้หญิงตั้งครรภ์
2. ผู้หญิงเลือดลมไม่ดี หรือมีปัญหาบริเวณรังไข่ หรือเกี่ยวกับรังไข่

ซึ่งถ้าหากสาเหตุเกิดจากการที่คุณสัมผัสกับแสงแดด หรือความร้อนโดยไม่มีการทาครีมกันแดดป้องกัน และไม่มีการบำรุงที่เหมาะสม จะทำให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือมีสีผิวไม่สม่ำเสมอค่ะ

สาเหตุนี้สามารถแก้ได้โดย ใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมประเภทผลัดเซลล์ผิวและยับยั้งการทำงานของเม็ดสี โดยส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่ม Whitening ของเรา ที่มักต้องใช้เฉพาะกลางคืนเท่านั้น เช่น
ซึ่งก่อนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ควรทารองพื้นเป็นอาหารผิวตัวนี้ค่ะ จะช่วยลดอาการระคายเคืองที่อาจเกิดระหว่างวันจากการทำงานผลัดเซลล์ผิว


อาหารผิวต้านการระคายเคืองทุกรูปแบบ

นอกจากนี้ หากใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มผลัดเซลล์ผิวและลดการทำงานของเม็ดสีดังกล่าว จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ควบคู่ไปอีก 2 ตัวคือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและกันแดดค่ะ

ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ควรจะเลือกตามระดับความเข้มข้นของตัวยาที่ใช้ในการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งตรงนี้สามารถสอบถามบีมได้อีกครั้งค่ะ

ตัวอย่างของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวคือ
มันจะมีบำรุงเนื้อหนัก ซึ่งควรใช้เฉพาะกลางคืนเท่านั้น เพราะมีอาหารผิวบรรจุมาก เช่น Super Nourishing Serum หรือ Collagen สดค่ะ ซึ่งถ้าคนหน้ามันใช้ตอนเช้าด้วย จะยิ่งหน้ามันเลย เป็นผลเสียค่ะ ใช้กลางคืนดีกว่า

ส่วนบำรุงเนื้อเบาที่เหมาะจะใช้บำรุงตอนเช้า และก่อนนอนได้คือ VitC-Gluta Serum ค่ะ และในรายที่หน้าแห้ง สามารถใช้ Collagen สด หรือเซรั่มคาร์เวียบำรุงตอนเช้าก่อนแต่งหน้าทาแป้งได้ค่ะ ^^

สำหรับกันแดด เรามีข้อแนะนำดังนี้ค่ะ

1. ผิวเป็นสิว สามารถใช้
  • MerryBeam BB Solution (Base Version SPF 80 Nano) (แบบปกปิด)
  • Milky Nano White Sunscreen SPF60 (แบบไม่ปกปิด)
  • โดยปกติ ผิวเป็นสิวหรืออยู่ในช่วงฟื้นฟูสภาพ ยังไม่จำเป็นต้องทากันแดด ให้หลบแดดเอาค่ะ แต่ถ้าต้องแต่งหน้า ให้เลือกกันแดดตามที่แนะนำค่ะ
2. ผิวไม่เป็นสิว แต่เป็นฝ้า กระ รอยสิว

ถ้าหากเป็นฝ้า กระ หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอจากฮอร์โมน หากเป็นผู้หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรทำอะไรค่ะ แต่ถ้าหากไม่ได้ตั้งครรภ์แล้วมีปัญหาดังกล่าว จำเป็นต้องออกกำลังกายมากขึ้นเพื่อให้การหมุนเวียนของเลือดดีขึ้น ปรับพฤติกรรมสุขภาพ และอาจทานยาบำรุงสำหรับสตรีโดยเฉพาะค่ะ (แนะนำยาสตรีหมอเส็ง ที่บีมไม่ได้มีเอี่ยวอะไรด้วยเลยนะคะ เคยทาน และคนในบ้านทานแล้วมันดีมากจริง ๆ ทั้งผิว ทั้งระบบภายใน จึงขอแนะนำค่ะ)

ข้อมูลที่แบ่งปันกันได้มาจากประสบการณ์การใช้ผลิตภัณฑ์และข้อมูลที่ได้รับฟัง ได้อ่านเพิ่มเติมด้วยค่ะ

หวังว่าจะมีประโยชน์ต่อการทำความเข้าใจผลิตภัณฑ์ ผิวของคุณเอง และการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเบื้องต้นได้นะคะ

หากมีข้อสงสัยใด ๆ สอบถามได้เสมอค่ะ rinyabhatr@gmail.com หรือ Facebook หรือ เว็บบอร์ด หรือ 080 499 8105 ค่ะ

ขอให้มีวันเสาร์ที่สนุกนะคะ ^^

Sunday, May 30, 2010

ครรภ์ปลอดสิว ภาค 2



ภาคแรกเขียนเอาไว้ในบล็อกปฏิวัติความคิดพิชิตสิวค่ะ

ภาคสองเอามาเขียนไว้ที่นี่แทน เพราะหายจากเครื่องสำอางมาร์คหน้าค่ะ เลยขอมาแชร์ความตื่นเต้นด้วยตัวเอง

คือ ตอนแรกไม่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ค่ะ เพราะไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้
แต่ด้วยความผิดปกติหลายอย่าง โดยเฉพาะ สิวที่ขึ้นแบบไม่ทราบสาเหตุ
ทั้งที่เราก็ทานอะไรเหมือนเดิม ดูแลสุขภาพเหมือนเดิมทุกอย่าง และหน้าก็ใสขึ้นแล้วด้วย เหลือรอยเก่า ๆ ตรงแก้มหน่อยเดียว

ซึ่งบอกตามตรงว่า กำลังเตรียมตัวจะไปตัดผมสั้นแบบคุณเจี๊ยบหรือน้องกิ่งทีเดียว เพราะอยากตัดมานานแล้ว แต่หน้าไม่เคยใสเลย และรู้สึกว่าจะตัดแบบนั้นต้องหน้ากิ๊งค่ะ ถึงจะดูดี คือ เตรียมตัวแล้วจริง ๆ

แต่คุณลูกก็มาเกิดค่ะ :-) ดีใจนะ แต่สิวขึ้นมากมาย ๆ

ตอนแรกก็ยังไม่รู้จะต้องกินอะไร ก็กินนมวัว นมเปรี้ยวที่ทำจากนมวัวพวกนั้นล่ะค่ะ ยิ่งทำให้สิวแย่ไปใหญ่ แต่พอเริ่มอ่านหนังสือและจับหลักได้ ก็เลิกนมวัว และดื่มนมถั่วเหลืองและธัญพืชแทน เนื้อสัตว์ใหญ่ไม่ค่อยทานค่ะ ทานปลา ทานโปรตีนจากอย่างอื่นแทน อันนี้ทั้งห่วงน้องและห่วงสิวค่ะ เพราะเรากินนมวัวแล้วภูมิแพ้มาอีกแล้่ว และเคยอ่านว่า เด็กสมัยนี้ไม่ค่อยแข็งแรง เป็นภูมิแพ้มากตั้งแต่เกิดเพราะแม่ดื่มนมวัวตอนท้อง เราก็เลยไม่อยากดื่ม และก็คิดว่าอะไรที่ไม่ดีกับเรา ก็คงไม่ดีกับลูกด้วยแหละ เพราะเค้าเป็นเซลล์ที่เกิดจากเรา

พล่ามยาว เพราะอยากให้รู้ว่า อาหารที่ทานนั้นมีส่วนกับสิวอย่างมากค่ะ

ส่วนเครื่องสำอาง นี่เลยค่ะ ตอนนี้ใช้เซ็ตนี้ (Match เอาเอง บอกแล้วว่า ใช้ไปนาน ๆ ก็สลับไปสลับมาได้หมด เบื่อ ๆ ก็เปลี่ยน ไม่มีปัญหาเลย)


ซ้ายสุด: มาร์คพอกหน้า เสมือนมาร์ค Detox และเติมอาหารผิว ใช้ต่อกัน 4 คืนเลยทีเดียว หน้าสว่างใส สะอาดอย่างเป็นธรรมชาติทันทีหลังล้างเนื้อมาร์คออก ความร้อนบนผิว สิวอุดตันและสิวอักเสบลดลง 70-80% ใน 4 วัน (เพราะไปแพ้ผงสมุนไพรพอกหน้ามาจ้า ตอนแรกกะใช้ยารักษาสิว แต่ไม่กล้าซื้อ เลยไปใช้สมุนไพรผง คิดว่าแพ้เพราะผื่นเล็ก ๆ ขึ้นเต็มเลย แถมสิวอักเสบขึ้น เลยหยุดไปก่อน แล้วมาร์ค 4 คืนต่อกัน มันเยี่ยมยอดมากค่ะ ขอบอก สิวลดลง หน้ากระจ่างใสขึ้นจริง ๆ (ยังตื่นเต้นไม่หาย)

ถัดมา: โฟมล้างหน้า Nano Collagen อันนี้อ่อนดีค่ะ ก็ใช้ประจำนะ คือ โฟมเนี่ยไม่ต้องมีอะไรเติมเยอะหรอกค่ะ เชื่อเถอะ ไม่ต้องมีสารทำให้หน้าใสค่ะ เอาอ่อน ๆ แล้วพอให้สะอาด แล้วเดี๋ยวเรามาเติมบำรุงกับอาหารผิวแทนดีกว่า

ถัดมา: เป็นขวดแก้ว 2 อันเล็ก ๆ คือ วิตซีกับกลูต้าเซรั่มจ่ะ ใช้คู่กัน ใช้หลังล้างหน้าเพื่อเติมน้ำให้ผิวและช่วยบำรุงให้ผิวผลัดเซลล์เก่าออกได้ดีอย่างอ่อนโยนค่ะ

สุดท้าย: กันแดด อันนี้เป็นสูตรที่อยู่ที่ "ชุดหน้าเด้ง" จริง ๆ ชุดนี้มันมี 5 ตัว แต่อันอื่นให้คุณแม่หมดค่ะ เพราะใช้แล้วดี เลยแนะนำให้คุณแม่ลองเอาไปใช้ คุณแม่ติดใจ เลยใช้ทั้งเซ็ตเลย แต่เค้ามีกันแดดของเค้าอยู่ค่ะ บีมเลยเอากันแดดตัวนี้มา ช้อบชอบค่ะ มันบางเบาดี ไม่วอก ไม่มันด้วย ทั้งวัน

ผลลัพธ์คือ ผิวแบบนี้ (หลังจากมาร์คมา 4 คืนต่อกัน อะอะ)

เอามาให้ดูก่อน เดี๋ยวจะหาว่าใช้ไม่จริง :-)


แต่นแต๊นนน...


อันนี้ ถ่ายเช้าเมื่อวานค่ะ (30 พ.ค. 53) ก็คือ ล้างหน้าด้วยโฟมเสร็จ ลงวิตซีกลูต้าเซรั่ม และกันแดด ทาแป้งฝุ่นธรรมดา หน้าไม่แต่งเลย (เหลือสิวตรงแก้ม ๆ ค่ะ แต่มันลดลงมากมาย อักเสบก็ลด แดง ๆ ก็ลด สิวที่หน้าผากเกลี้ยงขึ้นกว่า 95% ค่ะ)

ให้เปรียบเทียบกับรูปตอนท้องใหม่ ๆ หน้าไม่กระจ่างใสเท่านี้นะคะ แต่ตอนนั้นเริ่มมีสิวเม็ดเล็กขึ้นค่ะ หลังจากหน้ากิ๊งเพราะสวนลำไส้ด้วยกาแฟ รูปนี้แต่งหน้าอ่อน ๆ ลงแป้งฝุ่น DHC



ส่วนอีก 2 รูป เอามาฝาก เผื่อไม่เชื่อว่าแต่ก่อนเยินจริง ๆ


อันนี้ ประมาณกลางปีที่แล้วค่ะ



อันนี้ประมาณ เม.ย.52 ค่ะ


ป.ล. เดี๋ยวเครื่องสำอางชุดใหม่ Treatment หน้าใสกำลังจะมา บีมรอใช้ตัวนั้นแหละ เค้าว่า เทพกว่ามาร์คนี้อีกค่ะ จะลอง ๆ :-)