สงวนลิขสิทธิ์บทความในบล็อก

MarryBeam.com เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เนื้อหาทั้งหมดในบล็อก merrybeamcosmetics.blogspot.com แต่เพียงผู้เดียว ไม่อนุญาติให้ผู้ใดนำไปคัดลอก ดัดแปลง และใช้กับกิจการการค้าของท่าน ยกเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อกเป็นลายลักษณ์อักษรเสียก่อน มิเช่นนั้นจะถือว่าท่านได้ทำผิด พรบ.ลิขสิทธิ์และเรามีอำนาจตามกฎหมายในการดำเนินการในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ได้ค่ะ

สำหรับผู้ที่พบเห็นการนำข้อความหรือรูปภาพในบล็อกนี้ไปใช้ ขอความกรุณาแจ้งกลับมาที่ rinyabhatr@gmail.com ทางเราจะมีของตอบแทนให้ตามความเหมาะสมค่ะ ขอบคุณค่ะ
Showing posts with label ฝ้า. Show all posts
Showing posts with label ฝ้า. Show all posts

Tuesday, July 27, 2010

รวมโปรโมชั่นประจำเดือนสิงหาคม 2553


ชุด Home Spa Treatment

สำหรับลูกค้าที่ต้องการทำ Treatment ด้วยตัวเองที่บ้าน ด้วยคุณภาพผลิตภัณฑ์ระดับคลินิกเวชสำอางแต่ทำได้ง่าย ทำได้เองในราคาประหยัดที่บ้านค่ะ ลูกค้าสามารถเลือกมาส์กได้ตามวัตถุประสงค์ของการทำ Treatment

3.1 สำหรับลูกค้าที่ต้องการล้างสารพิษตกค้างในผิวด้วยตัวเอง เพื่อลดอาการสิว ลดหน้าหมอง เพื่อผิวที่แข็งแรงขึ้น เลือดลมไหลเวียนได้มากขึ้น และทาครีมบำรุงซึมลึกได้มากกว่าที่เคยเป็นมา

Mask สาหร่ายคลายพิษขนาด 80 กรัม 1 กระปุก และ Treatment Serum 7 กรัม 2 ขวด

ปกติราคา 1370 บาท
ราคาพิเศษ 1100 บาท ฟรีจัดส่งแบบลงทะเบียนค่ะ

3.2 สำหรับลูกค้าที่ต้องการให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติเพียงครั้งแรกที่ใช้ด้วยคุณภาพมาส์กโยเกิร์ตระดับ First Class ที่ใช้ในสปาชั้นหนึ่ง ช่วยทำให้ความหมองคล้ำหายไป ลดรอยสิว ลดจุดบกพร่องบนใบหน้า และหน้าสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ

Mask โยเกิร์ตขนาด 80 กรัม 1 กระปุก และ Treatment Serum 7 กรัม 2 ขวด

ปกติราคา 1280 บาท
ราคาพิเศษ 1000 บาท ฟรีจัดส่งแบบลงทะเบียนค่ะ

พิเศษ! ทุกเซ็ตจัดส่งฟรีแบบลงทะเบียน หากต้องการให้ส่งแบบ EMS ขอคิดค่าจัดส่งเพิ่มอีก 50 บาทค่ะ ^^

สั่งสินค้าได้ที่ร้าน www.marrybeamshopping.com ได้เลยนะคะ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ rinyabhatr@gmail.com 080-499-8105 หรือทาง Facebook ได้เลยค่ะ

กลับไปดูโปรฯ อื่น ๆ ได้ที่ ร้านออนไลน์

ขอบคุณค่ะ ^^

Saturday, June 26, 2010

หลักพื้นฐานที่ควรปฏิบัติเพื่อผิวสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

เพื่อน ๆ เคยสงสัยมั้ยคะว่า ทำไมบีมถึงชอบใช้คำว่า "ยั่งยืน" หรือ Sustainable

บีมชอบคำว่า "ยั่งยืน" และชอบใช้คำนี้ และคำ ๆ นี้ก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในปรัชญาการดำรงชีวิตของบีมไปแล้วค่ะ ในทุก ๆ เรื่อง

คำว่ายั่งยืน ไม่ว่าคนอื่นจะแปลความหมายว่าอย่างไร แต่สำหรับบีมแล้ว คำว่ายั่งยืนหมายถึง ความต่อเนื่อง ความสมดุล ความพอเหมาะ ความพอดี และพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่ฝืนธรรมชาติ

ยกตัวอย่างคำว่า ยั่งยืน ในบริบทอื่น เช่น การเรียนหนังสือ

บีมเคยมีวิถีชีวิตแบบ "ไม่ยั่งยืน" มาก่อน รวมทั้งการเรียนหนังสือค่ะ

จำได้ว่า ตอนเรียนนั้น บีมไม่ทำกิจกรรมอย่างอื่นสักเท่าไหร่ค่ะ เรียนอย่างเดียว เราจะรู้สึกแปลกแยก และเหงา ๆ มีเพื่อนแต่เหมือนไม่มีนะคะ ทั้งที่เพื่อน ๆ ก็แสนดีกับเรา แต่เราเป็นคนชอบขังตัวเองอยู่ในโลกส่วนตัว

คิดอยู่แต่ว่า จะเรียนให้ชนะคนอื่นต้องทำยังไง

กลับมาตอนเย็น ก็ไม่ไปเล่นที่ไหนนะคะ นั่งอ่านหนังสือตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึงเที่ยงคืนทุกวัน ชีวิตแบบนี้เริ่มตอน ม.5 มั้งคะ บางวันก็ถึงตี 2

คือ มีแต่เรียนกับเรียน

ในที่สุด ก็ประสบความสำเร็จในการเรียน แต่อย่างอื่นในชีวิต คือ
  1. ความสัมพันธ์กับเพื่อนและครอบครัว (ติดลบอย่างแรง)
  2. สุขภาพ (ภูมิแพ้หนักขึ้นเรื่อย ๆ ปัญหากระเพาะ-ลำไส้ที่หนักขึ้น ความเครียด)
  3. ผิวพรรณ (ไม่มีเค้าผิวเด็กอายุวัยทีนเลย ถ้าไม่หาหมอหน้าจะโทรมมาก ๆ)
  4. การมองโลก (ติดลบมาก)
  5. ฯลฯ
อย่างอื่นล่มหมดเลยค่ะ ชีวิตไม่มีความสุขเลย

ชีวิตแบบนี้ จึงเรียกว่า ไม่สมดุล ไม่พอเหมาะ ไม่พอดี จึงไม่ยั่งยืน เราจึงดำเนินชีวิตแบบนั้นต่อไปไม่ได้

เมื่อมาพูดเรื่องสิว ฝ้า และผิวพรรณ วิถีทางที่ยั่งยืน หรือ สายกลางนั้น มันมีอยู่เหมือนกับเรื่องอื่น ๆ ในชีวิต

มันจะมีทางหนึ่งที่สมดุลและเราสามารถดำเนินวิถีทางนั้นต่อไปได้โดยที่ เราพอใจ เราสุขใจ และผลลัพธ์ก็ออกมาน่าพอใจอยู่เสมอ ๆ

ที่ผ่านมา บีมเคยหาหมอใช่มั้ยคะ บีมไม่โจมตีนะคะว่าการไปรักษาที่คลินิกนั้นไม่ดี เพียงแต่ว่า สิ่งที่บีมได้รับมันไม่น่าพอใจสำหรับบีมเท่านั้นเองค่ะ เพราะบีมไม่ชอบทายารักษาสิว กลิ่นมันเหม็นและทำให้หน้าที่แม้จะเรียบแต่รูขุมขนจะกว้างและมันเร็วมาก จะเลิกยาก็ไม่ได้ จะใช้เครื่องสำอางอื่นบำรุงก็กลัวว่าสิวจะขึ้นอีก ตากแดดก็ดำเร็ว กินยาก็มีปัญหากระเพาะลำไส้ ปัญหาตาแห้ง ภูมิแพ้ขึ้น ผมร่วง ไขมันในเลือดสูง บีมไม่ชอบน่ะค่ะ ก็ไม่อยากกลับไป อยากจะหลุดออกมา แต่ถ้าใครเจอคลินิกที่ดี เจอหนทางที่ตัวเองพอใจ ก็ดีแล้วค่ะ อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบและทัศนคติของแต่ละคน แต่ขอให้เข้าใจค่ะว่า บีมไม่มีเจตนาโจมตีคลินิกต่าง ๆ ค่ะ มันเป็นแค่ความรู้สึกส่วนตัวที่บีมไม่ชอบไปหาหมอ

สมัยนี้ก็มีคลินิกขึ้นมามากมาย วิธีรักษาก็มากมาย เลเซอร์เอย อะไรเอย ที่บีมยังไม่เคยลองก็มีมาก แต่ก็คิดว่าตอนนี้เราไม่ต้องไปทำอะไรแบบนั้นแล้ว บีมพอใจผิวที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ของบีมแล้ว ก็รอดูหลังจากคลอดน้องว่า ผิวของเราจะเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้ฮอร์โมนสูงและความเปลี่ยนแปลงก็สูงค่ะ จึงกำหนดควบคุมอะไรไม่ได้ และบีมก็ไม่อดอาหาร คือ กินปกติไปเลย เพราะกลัวลูกจะได้รับสารอาหารไม่ครบ ซึ่งผิวหน้าที่มีอยู่ทุกวันนี้ก็พอใจแล้วค่ะ ก็ประคองกันไปแบบนี้ก่อน แล้วค่อยมาว่ากันใหม่

จากความรู้สึกที่ว่า ผลลัพธ์จากการหาหมอมันไม่ยั่งยืน และมันทำให้เราพึ่งตัวเองไม่ได้สักที และต้องเสียเงินไปเรื่อย ๆ แบบไร้จุดหมาย ประกอบกับสถานการณ์เมื่อปีที่แล้วที่ทำให้บีมต้องอยู่บ้าน และไปหาหมอยาก เดินทางยาก ก็คิดว่าต้องพึ่งตัวเองให้ได้ ต้องรักษาสิวให้หายด้วยตัวเองให้ได้ ก็ค้นพบว่า วิถีที่ยั่งยืนนั้นคืออะไร

เพื่อน ๆที่มีเวลาสามารถอ่านเนื้อหาในบล็อก "ปฏิวัติความคิดพิชิตสิว" ของบีมได้ค่ะ บีมเริ่มเขียนบล็อกเพื่อให้เป็นไดอารี่ของตัวเองในการรักษาสิวตามแนวทางของตัวเองที่ต้องพึ่งธรรมชาติเป็นหลัก และมีความรู้อื่น ๆ ที่บีมได้มาจากการค้นคว้าแล้วนำมาเผยแพร่ให้เพื่อน ๆ อ่านกัน

และต่อมา บีมคิดว่าเนื้อหาในบล็อกค่อนข้างเยอะ หลาย ๆ คนไม่สะดวกอ่านจากอินเตอร์เน็ต บีมจึงทำหนังสือ Acne (First) Aid โดยลงทุนพิมพ์เองและจำหน่ายผ่านบล็อกเท่านั้นค่ะ เป็นการรวบยอดประเด็นสำคัญ ๆ ในบล็อก และเป็นแนวทางให้เพื่อน ๆ ปฏิบัติได้เลยหลังจากที่อ่านจบ ที่บีมทำก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้เพื่อน ๆ ที่ต้องการจะเข้าใจแนวทางที่บีมทำแต่ไม่สะดวกอ่านบล็อกค่ะ

ซึ่ง ณ ตอนนี้ มันก็ยังคงมีอะไรให้เรียนรู้อีกมากมายไม่รู้จบ แต่จากประสบการณ์ทดลองของตัวเอง จากของเพื่อน ๆ ที่อัพเดทกันเข้ามา บีมขอบอกว่า การจะมีผิวที่แข็งแรงขึ้นอย่างยั่งยืนได้นั้น โดยสรุปควรจะต้องมีสิ่งต่อไปนี้ค่ะ

  • ความอดทนและใจเย็น (ร่างกายไม่ใช่เครื่องจักรค่ะ เป็นชุมชนของเซลล์เป็นพันล้านเซลล์ การปรับจำเป็นต้องอาศัยเวลา เพราะเซลล์ของร่างกายแต่ละส่วนก็จะมีอัตราการเกิด-ตายไม่เท่ากัน และในแต่ละคนก็มีต้นทุนทางกรรมพันธุ์ที่แตกต่างกัน บางคนก็ได้ผลเร็ว บางคนก็ได้ผลช้า)
  • ความช่างสังเกตและเป็นนักวิทยาศาสตร์ (จะได้ตรวจสอบ ปรับปรุงวิธีการของตัวเองไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเจอวิถีที่ตนพอใจและใช้ได้กับตัวเอง)
  • ความคิดริเริ่ม (เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมที่สุดให้กับตัวเอง เพราะสภาพร่างกายและผิวแต่ละคนแตกต่างกัน)
แนวคิดที่ควรมี คือ ผิวที่ดีนั้น แท้จริงแล้วเริ่มจากภายใน อวัยวะภายในจะสะท้อนออกมาที่ภายนอกเสมอ ๆ แต่บางคนก็มีกรรมพันธุ์ที่ดี มีต้นทุนดี ผิวพรรณแข็งแรง จึงไม่ค่อยเป็นอะไรง่าย ๆ

แต่ก็มีหลายท่าน ที่เคยโทรเข้ามาปรึกษา ซึ่งแต่ก่อน ผิวไม่เป็นอะไรเลย แต่เมื่อเวลาผ่านไป หรือได้ไปทำอะไรกับผิว ก็ทำให้มีปัญหาในภายหลังได้เช่นกันค่ะ

อะไร ๆ ก็ไม่แน่นอนค่ะ

แม้คนผิวไม่เป็นอะไร แต่ถ้าสังเกตดี ๆ เค้าอาจจะมีอาการซีด ตาบวมช้ำ หรืออาการผิดปกติของร่างกายอื่น ๆ ที่เรามองไม่เห็น

ดังนั้น อย่าไปอิจฉาใครเลยนะคะ แต่ละคนก็ล้วนแต่มีปัญหาของตัวเองทั้งนั้น

คนที่อาการแสดงออกมาที่ผิวนั้นได้เปรียบมากกว่าเพราะ จะได้เริ่มปรับตัวตั้งแต่เริ่มแรกของอาการ

บางคนเป็นสิว เพราะ ท้องผูก ถ้าสิวไม่ขึ้น ก็ปล่อยให้ท้องผูกไปเรื่อย ๆ คิดว่าไม่เป็นไร ในที่สุดก็อาจจะมาได้ยินจากปากคุณหมอว่า เป็นมะเร็งระยะท้าย ๆ แล้ว

ส่วนคนเป็นสิว ถ้าแก้ที่อาการท้องผูก สิวก็อาจหายไปได้แล้วค่ะ ได้ประโยชน์สองต่อ คือ สิวหาย และ ลำไส้ก็สุขภาพดี

ความยั่งยืนที่บีมหมายถึง ณ ที่นี้ ที่อยากชี้ให้เห็นคือ นอกจากอาหารเสริมและ skin care ที่เพื่อน ๆ อาจจะกำลังตัดสินใจที่จะใช้ แม้มันจะสามารถให้ผลดีตามที่เพื่อน ๆ ต้องการ

แต่บีมไม่อยากให้เพื่อน ๆ ละเลยการดูแลเอาใจใส่ร่างกายทั้งระบบค่ะ เพราะนั่นคือการทำให้ผิวดีอย่างยั่งยืนจริง ๆ

เพราะแม้ในปัจจุบันนี้ บีมจะมาใช้เครื่องสำอาง 100% แต่บีมก็ไม่ละเลยที่จะดูแลสุขภาพให้ดีอยู่เสมอค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการนอนไม่เกิน 5 ทุ่ม ตื่นก่อน 7 โมงและถ่ายก่อน 7 โมง ทานผักผลไม้อยู่เสมอไม่ปล่อยให้ของเสียคั่งค้าง ระบายความเครียด ทำให้สุขภาพจิตดี อยู่กับธรรมชาติ และไม่ทานแป้งขัดขาวเยอะ ไม่ทานของผัด มัน ทอด เยอะ (การทาน 5 หมู่ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องกินคาร์โบฯ กับ ไขมัน เยอะขึ้นใช่มั้ยคะ ^^) และบีมก็ยังไม่ทานนมวัวอยู่ดี ทานนมถั่วเหลืองและโปรตีนจากแหล่งอื่นแทนค่ะ

ถ้าเพื่อน ๆ จะถามว่า ต้องกินอาหารเสริมนี้ไปนานเท่าไหร่ บีมก็ขอตอบว่า จนกว่าเพื่อน ๆ จะสามารถปรับระบบร่างกายให้สมดุลได้ ให้ระบบภูมิคุ้มกันเค้าทำงานเองได้ และวิธีต่าง ๆ หรือแนวคิดบีมก็เขียนไว้ใน "ปฏิวัติความคิด พิชิตสิว" แล้วค่ะ

แต่ถ้าเพื่อน ๆ ยุ่งมาก ๆ ชีวิตไม่ค่อยได้มีเวลาดูแลตัวเอง ขอให้ทำได้สัก 30-50% จากบล็อกก็พอค่ะ

โดยประเด็นสำคัญที่อยากให้ทำจนติดเป็นนิสัยคือ
  • นอนก่อน 5 ทุ่ม (เพื่อให้ตับแข็งแรง เม็ดเลือดแดงแข็งแรง ภูมิคุ้มกันแข็งแรง ซึ่งจะช่วยลดอาการติดเชื้อ อักเสบ หน้ามันในระยะยาวค่ะ)
  • ถ่ายให้สุดก่อน 7 โมงเช้า
  • ทานอาหารเช้าทุกวันให้อิ่ม (อาหารจริง ๆนะคะ ส่วนกาแฟ ยกไปเวลาอื่นเถอะค่ะ อย่าดื่มตอนเช้าเลย) อาหารเช้าสำคัญที่สุด และพยายามทานสิ่งที่มีประโยชน์ให้มากที่สุด
  • มื้อว่างเปลี่ยนจากขนมนมเนยที่มีไขมันและน้ำตาลสูงเป็นผลไม้สดที่ไม่หวานและมีไฟเบอร์เยอะ ๆ แทน หรือทานธัญพืชที่มีเส้นใยสูงค่ะ
  • ถ้าไม่สามารถทานผักสดได้วันละอย่างน้อย 1 มื้อ ควรทานอาหารเสริมที่เป็นไฟโตนิวเทรียนส์และวิตามินรวมหรือวิตามินบีรวมด้วยค่ะ
  • ออกกำลังกายให้เลือดลมหมุนเวียนทุกวัน วันละ 15 นาที หรือ 3 ครั้งใน 1 สัปดาห์ ครั้งละ 30 นาทีค่ะ
  • ระบายความเครียดให้ได้ทุกวัน โดยการเดินในที่ที่มีอากาศดี ๆ เล่นกับสัตว์เลี้ยง ปลูกต้นไม้ รดน้ำต้นไม้ นั่งสมาธิ ทำกิจกรรมสร้างสรรค์กับเพื่อน ๆ (ไม่นินทาว่าร้ายใครนะคะ ^^)
ทำแบบนี้ให้เป็นนิสัยนะคะ เพื่อปรับสมดุลให้ร่างกาย "อย่างยั่งยืน" จะได้ลดค่าใช้จ่ายด้าน skin care อาหารเสริม และยารักษาโรคในระยะยาวค่ะ เพราะ เรามีอย่างอื่นให้ enjoy อีกเยอะค่ะ อย่ามาเสียเงินกับเสียเวลาและเสียกำลังใจกับเรื่องผิวเยอะเลยค่ะ ชีวิตมันสั้นเกินกว่าจะมาเครียดแต่เรื่องผิวนะคะ ^^

เอาใจช่วยค่ะ

Wednesday, June 23, 2010

การลดความเสี่ยงจากการทดลองใช้เครื่องสำอางยี่ห้อใหม่ ๆ

ค่ะ หลังจากที่ได้เขียนเกี่ยวกับว่า ใช้ผลิตภัณฑ์ทำไมสิวขึ้นหรือหน้าลอกไปเมื่อวาน ก็รู้สึกว่า ลูกค้าหรือผู้สนใจอาจจะรู้สึกกลัวว่า มันจะเหมือนกับอะไร ๆ ที่เคยใช้มารึเปล่านะคะ

บีมมาชี้แจงต่ออีกนิดนึงค่ะว่า ผลิตภัณฑ์ของเราจะแบ่งได้เป็น
  • กลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า
  • กลุ่มบำรุงผิวพื้นฐาน
  • กลุ่มผิวขาวใสและฝ้า กระ
  • กลุ่มกันแดด
  • กลุ่มสลายไขมันและเซลลูไลท์
  • กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวตัว
  • กลุ่มอาหารเสริม
หรือแบ่งอีกแบบหนึ่งจะได้เป็น
  • กลุ่มล้างพิษผิว
  • กลุ่มรักษาสิว
  • กลุ่มรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิว
  • กลุ่ม Body
ซึ่งการจับกลุ่มแบบหลังนี้ บีมจะนำเอาอาหารเสริมกับผลิตภัณฑ์ที่มุ่งการรักษาเฉพาะปัญหาที่ลูกค้าต้องการมาไว้ด้วยกันค่ะ โดยอิงจากข้อมูลที่ได้รับจากหลายแหล่ง รวมไปถึงเคสลูกค้าหรือผู้ใช้ที่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหานั้น ๆ หรือได้รับผลลัพธ์ที่ดีขึ้นหลังจากที่ได้ใช้ และัยังเป็นการประมวลจากความรู้ของบีมตั้งแต่เมื่อยังดูแลตัวเองแนวธรรมชาติบำบัด 100% ใช้แต่สบู่และของธรรมชาติทั้งหมด จนกระทั่งมาใช้เครื่องสำอางและอาหารเสริมแบบผสมผสานกับหลักการดูแลสุขภาพดั้งเดิมของตัวเอง

บีมไม่ได้จับกลุ่มตามแบบใคร แต่จับให้ตามวัตถุประสงค์ของการใช้ผลิตภัณฑ์แต่ละประเภทจริง ๆ ซึ่งเป็นการจับกลุ่มโดยมีลักษณะเฉพาะที่กลั่นกรองมาจากความรู้และการสังเกตของบีมเองค่ะ

คราวนี้ บีมขอชี้แจงว่า การจะใช้อะไรกับใบหน้า ถือเป็น Risk หรือความเสี่ยงอย่างหนึ่ง

ความเสี่ยงในทางการลงทุน หมายถึง โอกาสที่จะได้ เสีย หรือเท่ากับที่ลงทุนไปครั้งแรกนั่นเอง

ถ้าจะถามบีมว่า การที่จะตัดสินใจมาซื้อเครื่องสำอางยี่ห้อใหม่ใ้ช้ (ไม่ว่าจะยี่ห้อใด ๆ ก็ตาม) ความเสี่ยงมีดังนี้ค่ะ
  • โอกาส ได้ เสีย เท่าทุน มีแน่นอน และมีเท่า ๆ กัน
  • เสี่ยงว่ามันจะเข้ากับผิวเรามั้ย
  • เสี่ยงว่ามันจะทำให้แพ้หรือไม่
  • เสี่ยงว่าการตอบสนองของผิวจะไปในทิศทางใด
ซึ่งการที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงนั้นหรือกระทั่งควบคุมความเสี่ยงให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้ ในทางการลงทุนในตลาดหุ้นหรืออื่น ๆ คือ การศึกษาหาความรู้ในสิ่งนั้นเิพิ่มเติม

ยกตัวอย่างเรื่องใกล้ตัวนะคะ

ขับรถยนต์ออกจากบ้าน ก็เสี่ยงแล้วค่ะ คือ 1. รถชน 2. รอดปลอดภัย

แต่สิ่งที่เราทำได้เพื่อลดอุบัติเหตุและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับเราก็คือ
  • รู้จักกลไกของรถ
  • มีความรู้เรื่องกฎจราจร
  • มีทักษะในการขับรถ
  • มีทักษะในการตัดสินใจ
  • มีสายตาที่ดี ไม่สั้น ไม่ยาว
  • มีสติขณะขับรถ
แต่ถ้าถามว่า จะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุมั้ย มีค่ะ แต่น้อยมาก ถ้าเรามีสิ่งเหล่านี้

เรื่องการใช้เครื่องสำอางก็เหมือนกัน บีมพูดรวม ๆ นะคะ ไม่ได้เชียร์เครื่องสำอางของตัวเอง คือ บีมอยากให้ทุกคนสามารถควบคุมชะตาชีวิตของตัวเองได้ ไม่โทษว่า ผิวอย่างเรา จะไปใช้อะไรไ้ด้ ใช้อะไรก็ไม่เห็นดีขึ้น ใช้อะไรก็ดูหมดหวัง มีแต่ต้องลองไปเรื่อย ๆ

ลองปรับเปลี่ยนตัวเองก่อนนะคะ ให้เป็นคนขับรถที่ดี คือ เตรียมพร้อมในหลาย ๆ อย่างเพื่อลดความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเราให้มากที่สุด โดยมีแต่ตัวคุณเองเท่านั้นที่จะทราบตรงนี้ค่ะ ไม่มีใครรู้จักตัวคุณดีเท่ากับคุณเอง และแม้บีมจะให้คำปรึกษาและแนะนำได้ แต่อย่าลืมนะคะว่า เราสื่อสารแบบไม่เห็นหน้ากัน แต่บีมพอจะประมวลจากข้อมูลที่ได้ัรับมาจากคุณอีกทีแ้ล้วแนะนำออกไปค่ะ มันอาจจะไม่ 100%

บีมชื่นชมลูกค้าและเพื่อน ๆ หลายท่านนะคะ ที่พยายามสังเกตและแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองก่อน

ค่ะ การลดความเสี่ยงหรือความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการใช้เครื่องสำอาง คือ
  • รู้จักสภาพผิวหน้าของตัวเองก่อน สำรวจว่าเคยใช้อะไรมาก่อนบ้าง สภาพปัจจุบันเป็นเช่นไร
  • ต้องการแก้ไขในจุดใด
  • ดูข้อมูลหลาย ๆ แหล่งเกี่ยวกับการรักษาผิว ณ จุดนั้น (อันนี้ขอให้ศึกษาจริงจังเลยค่ะ เอาให้ชัด เอาให้รู้จริง จะได้เป็นแหล่งข้อมูล
  • ลองเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย และความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในแต่ละวิธีที่ใช้รักษา
  • เมื่อมั่นใจแล้วเลือกก็วิธีนั้น
  • ให้เวลากับวิธีนั้น ๆ อย่างเต็มที่ประมาณ 1-3 เดือนเพื่อดูผลลัพธ์เบื้องต้นเมื่อทำเต็มที่
ไม่ว่าจะทำอะไร การศึกษาข้อมูลจากทั้งหนังสือ ผู้รู้ หรือแหล่งต่าง ๆ ที่น่าเชื่อถือได้เ็ป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกค่ะ

ใช้แล้วสังเกต ปรับปรุงให้ดีขึ้น เป็นวิถีทางในการพัฒนาทุกสิ่งรวมถึงใบหน้า

บีมเองไม่มีจุดมุ่งหมายให้ใครต้องมาเชื่อบีม 100% นะคะ เพราะ ความเชื่อใจเป็นสิ่งที่บังคับกันไม่ได้

แต่สิ่งที่บีมรู้ก็คือ บีมให้ข้อมูลที่ไม่บิดเบือนกับทุกคนที่สนใจผลิตภัณฑ์ ผลลัพธ์ที่บีมใช้มันเป็นแบบนี้ก็คือแบบนี้ ผลลัพธ์ที่ลูกค้าใช้เป็นแบบนี้ก็บอกไปแบบนี้ค่ะ

บีมรู้ตัวว่าทำในสิ่งที่ถูกต้อง และผลิตภัณฑ์ของบีมก็คัดสรรมาดีแล้วค่ะ

และอย่างหนึ่งก็คือ ลูกค้าของบีมหลายท่านงานยุ่งค่ะ และหลายท่านก็ไม่ได้เล่นเน็ตเป็นกิจวัตร ดังนั้น มันจะยากสำหรับบีมในการให้ข้อมูลที่เป็น Feedback จากลูกค้าท่านนั้น ๆ โดยตรงผ่านทางเว็บบอร์ดร้าน แล้วถ้าบีมประมวลมาเขียนเอง ก็จะดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือใช่มั้ยคะ ^^ นั่นถือเป็นข้อจำกัดที่บีมต้องเจอค่ะ แต่ไม่ซีเรียส เพราะไม่ว่ายังไงบีมก็ใช้เองอยู่แล้วด้วย ลูกค้าประจำก็ใ้ช้เรื่อย ๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องของ ความคิดและความเชื่อของผู้สนใจรายใหม่ ๆ ที่มีต่อบีมและผลิตภัณฑ์ของบีมค่ะ บีมไม่ซีเรียสตรงนี้จริง ๆ เพราะบีมบังคับไม่ได้ :))

เอาเป็นว่า บีมเข้าใจลูกค้าและผู้สนใจทุกคนเสมอนะคะ ไม่ว่าคุณจะมองบีมและผลิตภัณฑ์ของบีม บวก ลบ อะไรยังไง จะมองเหมือนยี่ห้ออื่น จะดีกว่า ด้อยกว่าอย่างไร มันก็จะเป็นของมันอยู่แบบนี้ค่ะ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เองค่ะ :)) บีมก็มีหน้าที่ให้ข้อมูลสำหรับการตัดสินใจและคอยช่วยเหลือดูแลเมื่อเวลาที่ทุกคนมีปัญหาหลังใช้ผลิตภัณฑ์

Friday, June 4, 2010

แนะนำการเลือกใช้สำหรับสภาพผิวที่แตกต่างกัน

เนื่องจากผิวของแต่ละคนมีความแตกต่างกันเป็นพื้นฐานก่อนที่จะมาใช้เครื่องสำอาง MerryBeam

ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องทราบว่า คุณควรจะทำอะไรกับผิวก่อนหลัง เป็นลำดับ ๆ ไป เพื่อให้การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์นั้นเห็นผลและคุ้มค่ามากที่สุด

1. ผิวผ่านสมรภูมิสารเคมีและยารักษาสิว

ลักษณะของผิว

ผิวประเภทนี้จะมีความอ่อนแอมากถึงมากที่สุด คำว่า "สมรภูมิสารเคมี" หมายถึง การผ่านการใช้ครีมราคาถูก ครีมตลาดล่าง ที่มักลดต้นทุนแต่ต้องการให้เห็นผลเร็ว จึงใส่สารไฮโดรควิโนน ปรอท หรือกรดวิตามินเอ การลอกหน้า (peeling) จากผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญหรือได้รับใบอนุญาต การใช้ครีมที่ตัวเองแพ้ แต่ไม่รู้ตัว และใช้ต่อไปเรื่อย ๆ จนผดผื่นขึ้นเต็มหน้า และในที่สุดจะเป็นอุดตันและอักเสบค่ะ

บางรายที่รักษาสิว และอาจพบว่ามีอาการหน้าติดยารักษาสิว การใช้ยา BP นาน ๆ โดยขาดการบำรุงอย่างถูกต้อง ก็ทำให้ผิวถูกทำร้าย หยาบร้าน อ่อนแอลง ติดเชื้อง่าย ทำให้เมื่อไม่ได้ใช้ยาแล้ว โอกาสที่สิวผด และสิวประเภทอื่น ๆ ขึ้นมาอีกนั้นเป็นไปได้ (เพราะใน BP นั้นจะมีสารฟอกขาว (Bleaching) ที่กัดสีเสื้อผ้าให้ขาวได้ สารนี้ทำให้ผิวแห้งลง และผิวชั้นนอนหลุดลอกออก จึงทำให้สิวแห้ง และทำให้หัวสิวอุดตันเปิดอยู่เสมอ แต่ก็ทำร้ายผิวด้วยเช่นกัน)

วิธีการบำรุง
  • ให้เริ่มจากการล้างสารพิษในผิวด้วย "มาส์กสาหร่ายคลายพิษ" เป็นประจำทุกวัน จนกว่าอาการผิวบาง แพ้ แสบ แดง จะดีขึ้น จะสังเกตได้ว่า อุณหภูมิของผิวจะลดลง อาการคันยุบยิบในผิว และสิวผดจะลดปริมาณลงอย่างเห็นได้ชัด สิวอักเสบหัวจะออกเร็วขึ้น
  • งดเครื่องสำอางทุกตัวที่ใช้อยู่อย่างเด็ดขาด ใช้เฉพาะเจลล้างหน้าสูตรอ่อนโยนเท่านั้น ไม่ต้องผสมสาร เช่น สารทำให้หน้าขาว บีดส์ ใด ๆ ทั้งสิ้น
  • เมื่อผิวเริ่มมีสุขภาพดีขึ้น ให้ลง Treatment Serum เพื่อรักษาสิว ริ้วรอย จุดด่างดำ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ แล้วตามด้วยมาส์กสาหร่ายดังกล่าว
  • เมื่อสุขภาพผิวดีขึ้นแล้ว ค่อยพิจารณาใช้บำรุงตัวอื่นตามสภาพผิวหน้าและความต้องการต่อไปค่ะ
  • ระหว่างที่ฟื้นฟูสภาพผิวนี้ มาส์กและ Treatment Serum ควรแช่เย็น และควรล้างหน้าด้วยน้ำเย็นเป็นประจำ เพื่อทำให้ผิวคืนสภาพเร็วขึ้น
  • ควรทาน Dtox1 และ Collagen+C ควบคู่ไปด้วยเพื่อขับล้างสารพิษสะสมในลำไส้ เลือดและเซลล์ พร้อมช่วยเร่งกระบวนการฟื้นฟู และซ่อมแซมผิวให้เร็วขึ้นค่ะ
ระยะเวลาการฟื้นฟู
ประมาณ 2 สัปดาห์ - 1.5 เดือน (ขึ้นอยู่กับระดับความอ่อนแอของผิวและสารพิษสะสมค่ะ)

2. ผิวมีฝ้ากระ หรือจุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ

ลักษณะผิว
ผิวประเภทนี้จะมีการทำงานของเม็ดสีที่ผิดปกติ ส่วนมากเกิดจากการสัมผัสความร้อน แสงแดด หรือแม้แต่ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง

สำหรับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงนั้น จะมี 2 ลักษณะคือ
1. ผู้หญิงตั้งครรภ์
2. ผู้หญิงเลือดลมไม่ดี หรือมีปัญหาบริเวณรังไข่ หรือเกี่ยวกับรังไข่

ซึ่งถ้าหากสาเหตุเกิดจากการที่คุณสัมผัสกับแสงแดด หรือความร้อนโดยไม่มีการทาครีมกันแดดป้องกัน และไม่มีการบำรุงที่เหมาะสม จะทำให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือมีสีผิวไม่สม่ำเสมอค่ะ

สาเหตุนี้สามารถแก้ได้โดย ใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมประเภทผลัดเซลล์ผิวและยับยั้งการทำงานของเม็ดสี โดยส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่ม Whitening ของเรา ที่มักต้องใช้เฉพาะกลางคืนเท่านั้น เช่น
ซึ่งก่อนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ควรทารองพื้นเป็นอาหารผิวตัวนี้ค่ะ จะช่วยลดอาการระคายเคืองที่อาจเกิดระหว่างวันจากการทำงานผลัดเซลล์ผิว


อาหารผิวต้านการระคายเคืองทุกรูปแบบ

นอกจากนี้ หากใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มผลัดเซลล์ผิวและลดการทำงานของเม็ดสีดังกล่าว จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ควบคู่ไปอีก 2 ตัวคือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและกันแดดค่ะ

ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ควรจะเลือกตามระดับความเข้มข้นของตัวยาที่ใช้ในการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งตรงนี้สามารถสอบถามบีมได้อีกครั้งค่ะ

ตัวอย่างของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวคือ
มันจะมีบำรุงเนื้อหนัก ซึ่งควรใช้เฉพาะกลางคืนเท่านั้น เพราะมีอาหารผิวบรรจุมาก เช่น Super Nourishing Serum หรือ Collagen สดค่ะ ซึ่งถ้าคนหน้ามันใช้ตอนเช้าด้วย จะยิ่งหน้ามันเลย เป็นผลเสียค่ะ ใช้กลางคืนดีกว่า

ส่วนบำรุงเนื้อเบาที่เหมาะจะใช้บำรุงตอนเช้า และก่อนนอนได้คือ VitC-Gluta Serum ค่ะ และในรายที่หน้าแห้ง สามารถใช้ Collagen สด หรือเซรั่มคาร์เวียบำรุงตอนเช้าก่อนแต่งหน้าทาแป้งได้ค่ะ ^^

สำหรับกันแดด เรามีข้อแนะนำดังนี้ค่ะ

1. ผิวเป็นสิว สามารถใช้
  • MerryBeam BB Solution (Base Version SPF 80 Nano) (แบบปกปิด)
  • Milky Nano White Sunscreen SPF60 (แบบไม่ปกปิด)
  • โดยปกติ ผิวเป็นสิวหรืออยู่ในช่วงฟื้นฟูสภาพ ยังไม่จำเป็นต้องทากันแดด ให้หลบแดดเอาค่ะ แต่ถ้าต้องแต่งหน้า ให้เลือกกันแดดตามที่แนะนำค่ะ
2. ผิวไม่เป็นสิว แต่เป็นฝ้า กระ รอยสิว

ถ้าหากเป็นฝ้า กระ หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอจากฮอร์โมน หากเป็นผู้หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรทำอะไรค่ะ แต่ถ้าหากไม่ได้ตั้งครรภ์แล้วมีปัญหาดังกล่าว จำเป็นต้องออกกำลังกายมากขึ้นเพื่อให้การหมุนเวียนของเลือดดีขึ้น ปรับพฤติกรรมสุขภาพ และอาจทานยาบำรุงสำหรับสตรีโดยเฉพาะค่ะ (แนะนำยาสตรีหมอเส็ง ที่บีมไม่ได้มีเอี่ยวอะไรด้วยเลยนะคะ เคยทาน และคนในบ้านทานแล้วมันดีมากจริง ๆ ทั้งผิว ทั้งระบบภายใน จึงขอแนะนำค่ะ)

ข้อมูลที่แบ่งปันกันได้มาจากประสบการณ์การใช้ผลิตภัณฑ์และข้อมูลที่ได้รับฟัง ได้อ่านเพิ่มเติมด้วยค่ะ

หวังว่าจะมีประโยชน์ต่อการทำความเข้าใจผลิตภัณฑ์ ผิวของคุณเอง และการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเบื้องต้นได้นะคะ

หากมีข้อสงสัยใด ๆ สอบถามได้เสมอค่ะ rinyabhatr@gmail.com หรือ Facebook หรือ เว็บบอร์ด หรือ 080 499 8105 ค่ะ

ขอให้มีวันเสาร์ที่สนุกนะคะ ^^