สงวนลิขสิทธิ์บทความในบล็อก

MarryBeam.com เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เนื้อหาทั้งหมดในบล็อก merrybeamcosmetics.blogspot.com แต่เพียงผู้เดียว ไม่อนุญาติให้ผู้ใดนำไปคัดลอก ดัดแปลง และใช้กับกิจการการค้าของท่าน ยกเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อกเป็นลายลักษณ์อักษรเสียก่อน มิเช่นนั้นจะถือว่าท่านได้ทำผิด พรบ.ลิขสิทธิ์และเรามีอำนาจตามกฎหมายในการดำเนินการในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ได้ค่ะ

สำหรับผู้ที่พบเห็นการนำข้อความหรือรูปภาพในบล็อกนี้ไปใช้ ขอความกรุณาแจ้งกลับมาที่ rinyabhatr@gmail.com ทางเราจะมีของตอบแทนให้ตามความเหมาะสมค่ะ ขอบคุณค่ะ
Showing posts with label marrybeam. Show all posts
Showing posts with label marrybeam. Show all posts

Monday, August 2, 2010

เปิดสั่งจองผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ล่าสุด สมุนไพรจีน100%เพื่อผิวสุขภาพดีแบบสาวจีน

ฉลากของยาน้ำสมุนไพรค่ะ

จากที่บีมได้รับฟังเรื่องราวของเพื่อน ๆ ที่เป็นสิวทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่มาเป็นเวลาครบ 1 ปีเต็ม (สิงหาปีที่แล้วบีมเริ่มทำบล็อกสิวค่ะ)

จากประสบการณ์การรักษาสิวแบบส่วนตัวมา 1 ปีกว่า ๆ

และจากประสบการณ์การจัดเซ็ตผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและ skincare ให้กับลูกค้ามาเป็นเวลากว่า 8 เดือน

ทำให้บีมได้ข้อสรุปว่า

ผู้หญิงเป็นสิวมากกว่าผู้ชาย
ผู้หญิงหายเป็นสิวยากกว่าผู้ชาย
ผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นสิวฮอร์โมน
ผู้หญิงที่อายุมากกว่าจะมีแนวโน้มเป็นสิวเรื้อรังมากกว่าผู้หญิงที่เด็กกว่าและเกี่ยวข้องกับปัจจัยด้านสุขภาพมากกว่า

โดยรวมแล้วผู้หญิงมีปัญหาผิวมากกว่าผู้ชาย...

เดี๋ยวขอเล่าประสบการณ์ของตัวเองเข้าไปสักเล็กน้อยนะคะ เกี่ยวกับเรื่องของฮอร์โมน

เรื่องแรก เมื่อปลายปีที่แล้วบีมแพ้มะขามเปียก หน้าเยินมากจนไม่กล้าถ่ายรูป และห่างหายการอัพรูปในบล็อกไปช่วงนึงเพราะตอนนั้นแอบรับไม่ได้กับรูปถ่ายที่จะออกมาค่ะ ก็แอบเสียดายที่ตอนนี้เลยไม่มีหลักฐานให้ดูเลยว่า อาการแพ้อย่างแรงมันเป็นยังไง ^^

เสร็จแล้วก็พักหน้ายาวเลย ไม่ทำอะไรสักอย่าง ล้างหน้าอย่างเดียวยังเจ็บปวดเลยค่ะ

คุณแม่ท่านสงสารมาก ๆ ไม่รู้จะทำอย่างไร ไอ้เราก็ผอมอยู่แล้ว กินอะไรมากก็ไม่ได้ ส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นน้ำปั่นผักผลไม้ค่ะ กับข้าวกินบ้างล่ะ แต่ไม่เยอะ ก็เลยปรึกษากับคุณแม่ดูว่า ลองกินยาคุมดีมั้ย ก็เลยลองนะ เป็นยี่ห้อ Yasmin (ก็หาข้อมูลจากในเน็ตนี่ล่ะค่ะ)

โอ้โห...กินประมาณ 5 วันเท่านั้น สิวขึ้นหลัง ขึ้นอกเป็นเม็ดเล็ก ๆ เยอะเลย ทั้งที่บีมก็ไม่ได้ทำกิจวัตรอะไรต่างไปจากที่เคยดูแลตัวเองตลอดมา แถมที่หน้าก็ขึ้นซ้ำเติมอีก

บีมไม่ได้บอกว่ามันไม่ดีนะคะ เพราะหลายคนกินก็บอกว่าดีใช่มั้ยคะ แต่บีมแพ้และบีมไม่คิดจะกินต่อ ก็หยุดเอาไว้เท่านั้นเลย ไม่เอาแล้ว กลัวกู่ไม่กลับ

บีมคิดว่านั่นคือ อาการแพ้ยาคุมของบีม ซึ่งแน่นอนว่า สิวที่ขึ้นมาเกิดจากฮอร์โมนหรือการสื่อสารที่ผิดปกติของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายค่ะ

แบบนี้แหละที่เรียกว่า สิวฮอร์โมนชัด ๆ เลย คือ ไม่ได้ทำอะไรผิดแผกแตกต่างไปจากเดิม ดูแลสุขภาพดีทุกอย่าง แต่สิวขึ้นเฉยเลย

ยังไม่พอนะคะ ที่บีมกล้าสรุปว่าเป็นที่ยาคุมก็คือ พอเลิกทาน สัปดาห์เดียวก็หายไปเลยสิวที่ว่านั้น ทั้งหลัง ทั้งอก ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดค่ะ

เรื่องต่อมา บีมได้ลองทานยาสตรีหมอเส็ง ซึ่งขวดที่บีมทานนั้นแอบไม่เจอในเว็บ google เป็นกล่องสีส้ม ๆ น่ะค่ะ ซื้อที่ร้านขายยา

ก็ได้มารู้ทีหลังว่า มันจะมี "หัวเชื้อ" กับ "หางเชื้อ" ของยา

หัวเชื้อเค้าขายกันที่สามพันอัพใช่มั้ยคะ http://www.yabamrung.com/?%C2%D2%CA%B5%C3%D5%CB%C1%CD%E0%CA%E7%A7,42

สงสัยที่บีมกินต้องเป็นหางเชื้อแน่เลย 180 บาท อะอะ

ก็ไม่รู้ว่าของจริงของปลอมล่ะ เห็นร้านยาใหญ่เล็กที่นี่ก็มีแต่ขวดส้ม 180 บาทนี่แหละค่ะ

แต่มันเวิร์คดีจริง ๆ ทั้งเรื่องเลือดลม เจริญอาหาร และก็ผิวพรรณที่ละเอียดและหน้าใสขึ้น สิวลดลง

นี่ก็เป็นอีกข้อหนึ่งที่บีมรู้สึกว่า "ถ้าเลือดลมหรือการไหลเวียนของน้ำและลมในร่างกายดี ผิวจะดีไปด้วย"

เรื่องที่สาม คือ ต่อจากยาสตรีหมอเส็ง บีมมีโอกาสได้ทานยาหม้อสมุนไพรไทยเป็นครั้งแรกที่เรียกว่า "ยาโสภณ" ซึ่งเป็นยาปรับสมดุลธาตุในร่างกายที่บีมติดต่อซื้อมาจากคุณหมอแผนไทยที่กรุงเทพค่ะ

ก็ทานได้ 1 เดือนแล้วถึงเดินทางไปมาเลย์ จริง ๆ ต้องทานต่อกัน 3 เดือน

แต่ทานแค่เดือนเดียวก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับผิวพรรณ และบีมยังจำได้ว่า คุณหมอบอกว่า ปัญหาผิวของผู้หญิงส่วนใหญ่ก็เกี่ยวข้องกับเลือดลมนั่นแหละ เพราะถ้าเลือดลมมันดี ไหลเวียนดี ทุกอย่างก็จะโอเคแล้ว ผิวก็จะดีด้วย

บีมก็จำคำพูดนี้มาถึงทุกวันนี้ค่ะ บีมเลยบอกว่า เพื่อน ๆ ควรจะเคลื่อนไหวร่างกายให้ได้อย่างน้อย 15 นาทีในแต่ละวัน ถ้าไม่มีเวลาขอให้ได้แกว่งแขนสัก 15 นาทีหรือ 300 ครั้งก่อนนอน และเอาเลือดลงหัวบ้างค่ะ คือ นอนให้หัวต่ำกว่าเท้าโดยเอาลงจากขอบเตียง หรือใครไปเล่นโยคะ มันจะมีท่าที่เอาหัวลง เอาเท้าขึ้นบนอะไรแบบนี้ เพราะปกติเลือดมันไปทางเดียวไงคะ ตามแรงโน้มถ่วงก็ไปลงเท้า และขึ้นมาที่หัวยาก แต่ถ้าเราลองช่วยร่างกายโดยเอาหัวลงบ้าง เลือดจะได้ไหลมาทางสมองและผิวหน้าได้มากขึ้นค่ะ สารอาหารจะได้มากที่นี่เยอะขึ้น ป้องกันโรคอะไรที่ก็ตามที่จะเกิดกับสมอง และจะได้นำสารอาหารที่มีประโยชน์และเลือดมาเลี้ยงผิวด้วย

ประเด็นคือ ขอให้สม่ำเสมอ วันละเล็กละน้อยก็ยังดี

แต่ถ้าไม่ทำเลย เลือดลมไหลเวียนไม่ดีเลย ก็ยากที่ผิวและสุขภาพจะดีขึ้นค่ะ

เรื่องถัดมาเกี่ยวกับฮอร์โมนนะคะ คือ ตอนที่บีมหน้าเกลี้ยงอย่างมากมายแล้วในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อยู่ดี ๆ สิวก็ขึ้นหลังขึ้นอกขึ้นหน้าในบริเวณที่ไม่ขึ้นนานแล้ว และเยอะมาก เป็นเม็ดเล็ก ๆ ที่เตรียมขึ้นมาอักเสบ ทั้งที่บีมก็ดูแลตัวเองดี ก็เอะใจว่าเกิดอะไรขึ้น

เริ่มไม่ค่อยอยากกินอะไรและเหม็นเต้าหู้ เหม็นปลา

สรุปว่ามารู้ว่ามีน้องตอนเดือนเมษายนค่ะ

อันนี้แหละ สิวฮอร์โมนขนานแท้อีกอันหนึ่ง คือ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเคมีในร่างกายค่ะ (อย่างใหญ่หลวง)

สิวก็เบาบางจางลงไปพร้อมกับหายแพ้อาหาร

ตอนแรก ๆ ไม่กล้าใช้ skincare หรือทานอาหารเสริมอะไรเลย เพราะกลัวกระทบพัฒนาการของน้อง สิวก็อยู่แบบนั้น

ก็ตัดสินใจไปหาซื้อสมุนไพรสำเร็จรูปมาใช้รักษาสิว เป็นประเภทขัด พอก

โอ้โห...อีกระลอกเลย แพ้ค่ะ

ใช้ได้ 4 วันรู้สึกว่าไม่ใช่ละ

สิวแพ้เนี่ย มันจะเป็นเม็ดเล็ก ๆ และเหมือนจะทุกรูขุมขน หัวไม่มีด้วย

หยุดเลยค่ะ แล้วก็หยิบมาส์กสาหร่ายนี่แหละมาใช้พอกทุกคืน ใช้แค่อย่างเดียวเลย และสิวก็เบาบางลงไปเรื่อย ๆ

..........................................

สรุปว่ามันมีอยู่ 4-5 เหตุการณ์ที่บีมเล่ามาซะยาว เพื่อที่จะบอกว่า สิวฮอร์โมนมันจะเป็นลักษณะประมาณนี้ และต่อให้เราดูแลสุขภาพดีเต็มร้อย แต่ถ้าฮอร์โมนหรือเคมีในร่างกายเสียสมดุล ซึ่งผู้หญิงมันเปลี่ยนทุกเดือนอยู่แล้ว จึงทำให้ต้องเป็นสิวฮอร์โมนทุกเดือนไปเลยใช่มั้ยคะ ที่เราเคยมีอยู่แล้ว ยิ่งเยอะเข้าไปใหญ่เลย

ยิ่งผู้หญิงสมัยนี้ทำงานเก่ง พึ่งตัวเองได้มากขึ้น ก็จะมีเวลาดูแลตัวเองน้อยลง เวลาออกกำลังกายหรือดูแลเรื่องอาหารอาจจะไม่ค่อยมี

ประจวบเหมาะกับที่ทางบริษัทที่ผลิตสินค้าให้บีมเค้าได้พัฒนาสูตรยาสตรีตัวนี้ขึ้นมาในช่วงที่บีมพอมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างสิวกับฮอร์โมนที่แปรปรวน

บีมก็เลยมองเห็นว่า สำหรับคนที่อยากจะรักษาผิวจากภายในด้วยสูตรสมุนไพรจีนดั้งเดิม 100% เป็นสูตรสมัยที่คุณแม่ยังสาว แต่มีการปรับสูตรให้เป็นตัวที่ทานแล้วไม่หิวบ่อย ไม่อวบอ้วนขึ้น

วัตถุดิบคุณภาพนำเข้าจากจีนโดยตรงและผ่านการตรวจสอบและจดทะเบียนกับทางกระทรวงสาธารณสุขเรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนที่แล้ว

และเหมาะกับคนที่ไม่มีเวลามาต้มยากินเอง

พูดง่าย ๆ คือ เหมาะกับ
  • ผู้หญิงที่มีปัญหาสิวหรือผิวพรรณจากฮอร์โมนไม่ปกติ
  • ผู้หญิงที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเองในเรื่องการออกกำลัง อาหาร ตามแนวองค์รวมแต่ต้องการมีระบบภายในและผิวที่สุขภาพดี
  • ผู้หญิงที่เลือดลมไหลเวียนไม่ดี ประจำเดือนมาไม่ปกติ สีผิวซีดจาง หนาวง่าย ไม่มีเลือดฝาด ผิวซีด
  • ผู้หญิงที่ดูแลตัวเองตามแนวองค์รวมครบถ้วนแล้ว แต่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาผิวในบางจุดได้
  • ผู้หญิงที่ทานยาสตรียี่ห้ออื่นแล้วไม่เห็นผลหรือมีปัญหาน้ำหนักขึ้น
  • ผู้หญิงหลังคลอดบุตรที่ต้องการให้ร่างกายกลับสู่ภาวะปกติได้เร็วกว่าปกติ ช่วยบำรุงน้ำนม ขับน้ำคาวปลาได้อย่างดีเยี่ยม (โดยเฉพาะผู้ที่ผ่าคลอดที่น้ำคาวปลาจะเหลือค้างเยอะ) และช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น
และของเราจะเป็น "หัวเชื้อ" ล้วน ๆ

ทานได้ 1-2 เดือน

ซึ่งขณะนี้สินค้าได้ผลิตออกมาแล้วค่ะ และบีมตัดสินใจว่า ถ้าหากมีผู้สนใจลงชื่อจองมากกว่า 50 ท่าน บีมจะสั่งของมาภายในเดือนนี้หรือเดือนหน้าเลย เพราะเป็นช่วงโปรฯที่ลูกค้าจะได้ซื้อในราคาเพียงขวดละ 1900 บาทเท่านั้นค่ะ ซึ่งถ้าเลยเดือนหน้าไป ราคาจะต้องอยู่ที่ 2500 บาทแล้วค่ะ

บีมเองไม่ได้ไม่เสียอะไรกับตรงนี้อยู่แล้วค่ะ แต่ที่มานำเสนอเพราะเห็นว่า ผู้หญิงหลายคนเป็นสิวฮอร์โมนกันมาก ทานอาหารเสริมก็ช่วยได้เยอะเลยแต่ไม่ 100% เพราะเจ้า 10% นี้มันเกี่ยวกับฮอร์โมนแล้วค่ะ ซึ่งอาหารเสริมจะไม่ได้ไปออกฤทธิ์ ณ จุดนั้น อาหารเสริมจะเน้นทำความสะอาดเซลล์ ซ่อมสร้าง บำรุงเซลล์ และขับล้างพิษในระบบทางเดินอาหารและลำไส้ แต่จะไม่ได้ช่วยเรื่องเลือดลม

ก็เลยอยากให้ทานกันจริง ๆ ค่ะ ซึ่งลูกค้าที่ตั้งงบไว้ทาน Collagen+C สามารถเปลี่ยนมาทานตัวนี้แทนได้ค่ะ ควบคู่ไปกับ Dtox เพราะงบที่ต้องซื้อ Collagen+C กับยาน้ำตัวนี้จะเท่ากันเลยคือ 1900 บาท แต่ยาน้ำสามารถทานได้นานกว่าค่ะ คือ 1-2 เดือน

แต่ผู้ชายทานไม่ได้นะคะ ^^ ส่วนใหญ่ผู้ชายนี่ Collagen+C และ Dtox ก็เอาอยู่แล้วค่ะ เพราะร่างกายเค้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทุกเดือนเหมือนผู้หญิง จึงไม่มีปัญหาฮอร์โมนค่ะ ยกเว้นท่านที่เครียดจัดหรือสุขภาพแย่มาก ๆ ก็ต้องเป็นยาน้ำของผู้ชายไปอีกเซ็ตค่ะ ^^

ถ้าครบ 50 รายชื่อ บีมสั่งทันทีเลยค่ะ ไม่เกินเดือนหน้าจะได้ในราคา 1900 บาท
แต่ถ้าไม่ถึง 50 รายชื่อที่จองเข้ามา บีมจะชะลอไปจนกว่าจะมีผู้สนใจเพิ่มขึ้นจึงจะสั่งมา ซึ่งอาจจะเป็นปลายปีเลยค่ะ ถึงตอนนั้นราคาจะอยู่ที่ 2500 บาทค่ะ


สามารถแจ้งความจำนงจองสินค้าตัวนี้ได้ที่อีเมล rinyabhatr@gmail.com ได้เลยนะคะ ^^ ขอบคุณค่ะ

Tuesday, July 27, 2010

รวมโปรโมชั่นประจำเดือนสิงหาคม 2553


ชุด Home Spa Treatment

สำหรับลูกค้าที่ต้องการทำ Treatment ด้วยตัวเองที่บ้าน ด้วยคุณภาพผลิตภัณฑ์ระดับคลินิกเวชสำอางแต่ทำได้ง่าย ทำได้เองในราคาประหยัดที่บ้านค่ะ ลูกค้าสามารถเลือกมาส์กได้ตามวัตถุประสงค์ของการทำ Treatment

3.1 สำหรับลูกค้าที่ต้องการล้างสารพิษตกค้างในผิวด้วยตัวเอง เพื่อลดอาการสิว ลดหน้าหมอง เพื่อผิวที่แข็งแรงขึ้น เลือดลมไหลเวียนได้มากขึ้น และทาครีมบำรุงซึมลึกได้มากกว่าที่เคยเป็นมา

Mask สาหร่ายคลายพิษขนาด 80 กรัม 1 กระปุก และ Treatment Serum 7 กรัม 2 ขวด

ปกติราคา 1370 บาท
ราคาพิเศษ 1100 บาท ฟรีจัดส่งแบบลงทะเบียนค่ะ

3.2 สำหรับลูกค้าที่ต้องการให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติเพียงครั้งแรกที่ใช้ด้วยคุณภาพมาส์กโยเกิร์ตระดับ First Class ที่ใช้ในสปาชั้นหนึ่ง ช่วยทำให้ความหมองคล้ำหายไป ลดรอยสิว ลดจุดบกพร่องบนใบหน้า และหน้าสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ

Mask โยเกิร์ตขนาด 80 กรัม 1 กระปุก และ Treatment Serum 7 กรัม 2 ขวด

ปกติราคา 1280 บาท
ราคาพิเศษ 1000 บาท ฟรีจัดส่งแบบลงทะเบียนค่ะ

พิเศษ! ทุกเซ็ตจัดส่งฟรีแบบลงทะเบียน หากต้องการให้ส่งแบบ EMS ขอคิดค่าจัดส่งเพิ่มอีก 50 บาทค่ะ ^^

สั่งสินค้าได้ที่ร้าน www.marrybeamshopping.com ได้เลยนะคะ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ rinyabhatr@gmail.com 080-499-8105 หรือทาง Facebook ได้เลยค่ะ

กลับไปดูโปรฯ อื่น ๆ ได้ที่ ร้านออนไลน์

ขอบคุณค่ะ ^^

Monday, July 19, 2010

เพราะไม่ผิด...จึงไม่ถูกถอด

วันนี้บีมขออัพเดทเรื่องที่พึ่งได้ัรับทราบมานะคะ

พอดีว่าเมื่อวานนี้บีมได้รับการติดต่อจากนิตยสารเล่มหนึ่งค่ะ เค้าเชิญชวนให้บีมไปลงโฆษณาในหนังสือของเค้า ก็ได้ทราบที่มาที่ไปคร่าว ๆ ว่า เค้ากำลังจะวางแผงสิ้นเดือนนี้แล้ว แต่มีลูกค้าที่ได้เคยลงโฆษณาเอาไว้ถูกถอดโฆษณาออกไปอย่างเ่ร่งด่วนเพราะติดเรื่องใบอนุญาตจาก อย. ทางหนังสือจึงต้องการผู้ประกอบการลงโฆษณาแทน ณ ตำแหน่งนั้นแทน

บีมก็เลยมานั่งคิดย้อนว่า ของบีมเองนั้น บีมก็เข้าใจค่ะว่า ผู้บริโภครายใหม่ ๆ ที่พึ่งมาเจอเครื่องสำอางของบีม เว็บไซท์ หรือแม้แต่คนใกล้ชิดที่เห็นเพื่อนของเขาใช้เครื่องสำอางยี่ห้อของบีม ก็ยังคงเกรงเรื่องสารอันตรายและคิดว่า no brand แบบนี้ ไม่ได้ขายตามห้างแบบนี้ มันช่างน่ากลัว ไม่น่าเสี่ยงเลย

บีมเข้าใจนะ และไม่โกรธด้วยค่ะ ที่ใครจะว่าอย่างไร เพราะเข้าใจสถานการณ์ต่าง ๆ ดี

และก็เป็นหน้าที่ของบีมที่จะต้องอธิบายให้ลูกค้ารายใหม่ ๆ เข้าใจถึงที่มาที่ไป และสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น

และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่บีมขอยืนยันว่า ผลิตภัณฑ์ของบีมทุกชิ้นปลอดภัยแน่นอนค่ะ

ถ้าหากจะพูดเรื่องประเด็นการผ่าน อย. หรือทุกอย่างถูกต้องหรือไม่นั้น บีมยืนยันด้วยสิ่งนี้เพิ่มเติมนะคะ

โฆษณาของบีมที่ลงในหนังสือ "ช่องทางทำมาหากิน" ที่จำหน่ายทั่วประเทศ วางแผงตามร้านหนังสือดัง ๆ ทุกที่ ไม่เคยถูกถอดออกเลย และบีมก็ไม่มีเงินมากพอที่จะไปติดสินบนใครเค้าค่ะ และในชีิวิตก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ถ้าคิดจะทำก็ขอให้ล่มจมไปเลยจะดีกว่า

บีมขอแจ้งว่า ทาง อย. เค้าจะมีกองตรวจสอบสื่อโฆษณาโดยเฉพาะค่ะ เพื่อน ๆ สามารถลองเข้าไปดูผังองค์กรได้

จากข้อมูลที่ได้รับเมื่อวานเื่รื่องการถูกถอดโฆษณา ประกอบกับข้อมูลว่า อย.มีกองตรวจสอบโดยเฉพาะ และจากการที่บีมเองเคยโทรเข้าไปสอบถามที่ อย.เอง ถึงข้อมูลของบริษัทที่รับผลิตให้กับบีม ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยค่ะ เค้าบอกว่าทุกอย่างผ่านหมดแล้ว

บีมเลยจะเอาหนังสือมาให้ดูค่ะว่า บีมลงไปจริง ๆ นะคะ 2 เดือนแล้ว และีบีมก็คิดว่าหนังสือที่ขายในที่โล่งแจ้งขนาดนี้ ร้านหนังสือดังขนาดนี้ คงไม่ลอดสายตา อย.ไปได้ค่ะ

นี่คือ 2 เล่มที่บีมพูดถึงค่ะ
ถ้าไปดูในร้านซีเอ็ดก็จะเห็นวางอยู่บนแผงนิตยสารค่ะ


โฆษณาของบีมลงหน้าบรรณาธิการค่ะ
ตำแหน่งโดดเด่นขนาดนี้ ถ้าเล็ดลอดสายตาไป ก็กระไรอยู่...


อีกเล่มนะคะ หน้า บก.เหมือนกัน


บีมก็หวังว่า post นี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคขึ้นมาอีกระดับหนึ่งนะคะ

หากมีคำถามใด ๆ ก็ส่งเข้ามาได้ตลอดค่ะ บีมยินดีตอบค่ะ ^^ ขอบคุณค่ะ

Thursday, July 15, 2010

คำยืนยันจากลูกค้า

คำยืนยันนี้ บีมรวบรวมมาจากหลายแหล่งด้วยกันนะคะ ทั้งจากเว็บบอร์ด จากอีเมล หรือ Facebook ค่ะ จะพยายามเอาที่ลูกค้าเขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร จะได้ไม่หาว่าบีมขี้ตู่พูดคนเดียว ^^

แต่จริง ๆ แล้วก็ยังมี feedback จากลูกค้าอีกหลายท่านค่ะที่ไม่ได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรแต่พูดให้ฟัง อันนั้นก็ยกเอาไว้ก่อนละกันเนอะ เอาไว้แทรกเป็นช่วง ๆ

มาดูกันเลยค่ะ (ถ้าตัวหนังสือเล็กไป ให้คลิกที่ภาพได้เลยค่ะ มันจะขึ้นจอที่โชว์ขนาดจริงขึ้นมาค่ะ)



อันนี้สำหรับชุด Advance Facial Botox










เดี๋ยวถ้ามีอีก จะรวบรวมมาให้อีกนะคะ ^^

ป.ล. ทุกคำยืนยันที่นี่ไม่ใช่หน้าม้าค่ะ แต่เป็นลูกค้าที่ได้สละเวลามาแชร์ความประทับใจให้ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ของบีมจะไม่ใช่เพื่อนสมัยเรียนกันมาก่อน จะเป็นคนที่บีมรู้จักผ่านทางบล็อกหรือ Facebook หรือ Google ทั้งนั้นเลยค่ะ ดังนั้น ถ้าหากเค้าไม่ประทับใจ บีมก็คงจะไปบังคับหรือขอร้องให้เค้าช่วยเขียนให้บีมไม่ได้ค่ะ หรือแม้แต่เป็นเพื่อนหรือรุ่นน้องรุ่นพี่สมัยเรียน หากเค้าไม่ประทับใจ บีมเองก็ไม่กล้าขอให้เค้าเขียนอะไรให้บีมเหมือนกันค่ะ ^^ เราต้องเคารพผู้บริโภค ถูกต้องมั้ยคะ ? ^^





Monday, July 12, 2010

กรณีศึกษา: รักษาสิวเองหายใน 3 เดือนด้วยวิธีการและผลิตภัณฑ์ของบีม

นี่เป็นน้องสาวของบีมเองค่ะ ที่ถือว่าเป็นผลผลิตของการรักษาสิวในวิธีแบบของบีมและเครื่องสำอางและอาหารเสริมของเราค่ะเสียดาย ที่บีมยังหารูป Before เมื่อ 4-5 เดือนก่อนไม่เจอ ซึ่งเป็นตอนที่เค้าเป็นสิวหนัก หาหมอไม่หาย เป็นสิวผด หนอง อักเสบ ขึ้นทั่วหน้าเลยและเราเห็นว่าการทานยา Acnotin นั้น ไม่เห็นจะทำให้สิวของเธอดีขึ้น ก็ได้แค่ทรง ๆ ก็ยังมีสิวขึ้นตลอด และบีมรู้ว่ายานี้เป็นอันตราย ในเมื่อกินแล้วไม่ได้ผล (กินได้สัก 1-2 เดือนแล้วค่ะ) ก็เลิกดีกว่า บีมกับแม่ก็รักษาเค้าเอง โดยบีมจัดครีม ที่มีทั้งตัวรักษาสิวและบำรุงให้เค้าไปใช้ด้วยกัน รวมทั้งอาหารเสริมที่เราจำหน่ายและมีตัวอื่นๆ ที่บีมเห็นว่าตามแนวทางของบีมมันต้องช่วยได้แน่นอน ตอนนี้เธอผิวได้แบบในรูปนี้ค่ะ

ถ่ายเช้าวันที่ 11 มิ.ย. 53 ไม่ทาแป้งค่ะ บำรุงเสร็จ (ตอนนี้ใช้ชุด Advanced Botox ค่ะ) ก็ถ่ายรูปเลย จะได้เห็นผิวชัด ๆ ไม่ได้ใช้ photoshop แม้แต่ปลายเล็บ เพราะไม่จำเป็นค่ะ เจอตัวจริงก็แบบนี้แหละค่ะ

นี่อีกรูป เค้าถ่ายของเค้าเองบ่ายวันที่ 12 มิ.ย. 53 ค่ะ ผิวดีจริง อะไรจริง

ทาบำรุงแล้วแป้งฝุ่นก็จบ

คนเนี้ยะ ถ้าใครเป็นเพื่อนเค้า สนิทกับเค้า จะกล้าบอกเลยว่า เค้าไม่ชอบใช้เครื่องสำอางมั่วซั่ว เป็นคนไม่ชอบใช้อะไรกับหน้ามากมายจริง ๆ เพราะกลัวแพ้ ใช้ยี่ห้ออื่นไม่ได้จริง ๆ อาหารเสริมไม่กิน ไม่ค่อยชอบทำให้ตัวเองเกินธรรมชาติ จึงเป็นเคสที่บีมภูมิใจมาก ๆ ที่ผิวดีขึ้นจริงจากวิธีการของเราและผลิตภัณฑ์ของเราเท่านั้นค่ะ ขอยกให้เป็น Presenter อันดับหนึ่งของ

พัฒนาการผิวหน้าของเจ้าของผลิตภัณฑ์ MarryBeam

ผู้ขายอาศัยความจริงใจ ภาพที่นำเสนอไม่มีการ retouch หรือ ตกแต่งแต่อย่างใดค่ะ เพราะเข้าใจว่า ผู้บริโภคย่อมต้องการทราบข้อมูลที่เป็นจริงก่อนตัดสินใจซื้อ


สองรูปนี้คือภาพถ่ายนอกบ้านเหมือน กันค่ะ ให้ดูความแตกต่างของผิวที่สะท้อนแสงและคุณภาพผิวที่ดีขึ้นจริง

พัฒนาการ ผิวของเจ้าของผลิตภัณฑ์ เองค่ะ ภาพแรกเป็นภาพผิวปีที่แล้วก่อนมาใช้เครื่องสำอางยี่ห้อนี้ สภาพผิวคือ สิวขึ้นเต็มหน้า จะเป็นอุดตันเกือบหมดทุกรูขุมขน และขึ้นมาอักเสบมาก ๆ บริเวณกรามและคาง รูปแรกทาแป้งไม่ผสมรองพื้นและปัดแก้ม แต่รูปที่สองถ่ายเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 53 โดยทาบำรุง กันแดด และทาแป้งฝุ่น และใช้บลัชออน MMU ปัดแก้มนิดหน่อยเองค่ะ ลิปก็ไม่มีสี ทาแบบลิปมันสีชมพูบาง ๆ สภาพผิวดีขึ้นมากแบบไม่ต้องโบ๊ะแป้งเหมือนแต่ก่อนเลย และหน้าดูอ่อนลงด้วยใช่มั้ยคะ ^^

ต่อไปก็บีมเองนี่แหละ ด้วยความจำเป็นหลาย ๆ อย่างทำให้บีมต้องคิดหาวิธีรักษาสิวด้วยตัวเอง ไม่สะดวกไปหาหมอ แต่ก็ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตที่ดีมาก ๆ ค่ะ ที่ค้นพบ

และนี่ต้องขอบอกว่า เป็นผลลัพธ์ของผลิตภัณฑ์นี้จริง ๆ ค่ะ รูขุมขนเล็กลง ทาแป้งติด เนียนใส ความมันแทบไม่เหลือ หน้าขาวกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ บีมไม่ได้โม้อีกนั่นแหละค่ะ มันเกิดขึ้นจริง ๆ และดีใจมาก ๆ ที่มีวันนี้ค่ะ :))

ผิวประมาณกลางปีที่แล้วค่ะ อันนี้โบ๊ะแล้วนะ อย่างหนา ปัดแก้ม ทาลิปอีกตังหาก

อันนี้ประมาณปลายปี หลังธรรมชาติบำบัดโปรแกรมของตัวเองค่ะ และใช้เครื่องสำอางนี้โดยไม่ใช้อย่างอื่นเลยจริง ๆ (เพราะกลัว) มาประมาณ 1 เดือนกว่า ๆ ผิวนี้ไม่ทารองพื้นนะคะ ผิวจริง ๆ นี่แหละ ลงแป้งฝุ่นเฉยๆ

ผลการทาน Collagen+C ในการรักษาสิวและรอยแดง

Collagen+C แคปซูลพลัง 3 in 1

ล้าง ซ่อมแซม บำรุง เพื่อผิวสวยใสอย่างเป็นธรรมชาติและปลอดภัยจากออร์แกนิค

หมายเหตุ การที่มีเม็ดสีขาวออกมาพร้อมกับการถ่ายท้องนั้นเป็นปกติของการทานผลิตภัณฑ์ ตัวนี้ค่ะ ช่วง 2-3 วันแรก ของเสียอาจจะมีกลิ่นเหม็นมาก สีคล้ำมาก ไม่ต้องตกใจนะคะ นั่นคือของเสียสะสมที่ผลิตภัณฑ์ได้ชะล้างออกมานั่นเองค่ะ จะเป็นเช่นนี้ประมาณ 1 สัปดาห์ค่ะ หรือจนกว่าของเสียจะค่อย ๆ หมดไป

หลักการทำงานของ Collagen+C นั้นคือ เมื่อเข้าู่สู่ร่างกาย ตัวยาจะแยกกันไป 2 ทางคือ

  1. ถูกดูดซึมไปตามกระแสเลือด
  2. ไปตามทางเดินอาหาร
สารที่ไปตามกระแสเลือดจะไปล้างพิษในเซลล์ทั่วร่างกายและเซลล์ิผิว จากนั้นของเสียจะกลับมาระบายที่ลำไส้ใหญ่โดยมีเม็ดโฟมสีขาว ๆ รอรับอยู่ค่ะ แล้วถูกขับถ่ายออกไปทางอุจจาระ

ดังนั้น จึงไม่ต้องตกใจนะคะ ^^

Tuesday, June 29, 2010

ชี้แจงประเด็นเลขทะเบียนข้างฉลากผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

จากประเด็นข่าวหลาย ๆ ครั้งเกี่ยวกับอันตรายจากสินค้าที่สั่งซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต ณ วินาทีที่บีมได้้ยินข่าว บีมก็เข้าใจลูกค้าทุกครั้งค่ะ ว่าความไม่มั่นใจ ความกังวลจากการบริโภคสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ตนั้นมีแน่นอน

และก็เป็นเช่นนั้นจริงค่ะ เพราะ ทุกครั้งที่มีข่าวแต่ละครั้ง อย. จับอะไรต่อมิอะไรแต่ละรอบ ก็จะมีคำถามจากลูกค้าเสมอ ๆ ว่าของบีมนั้นเป็นอย่างไร อะไร อย่างไร

บีมจึงขอนำประเด็นนี้มาชี้แจงที่บล็อกครั้งเดียวนะคะ เพื่อเ็ป็นข้อมูลให้ทุกท่านได้พิจารณา ไม่ว่าจะเ็ป็นลูกค้าประจำ หรือลูกค้าใหม่ หรือผู้ที่สนใจกำลังจะตัดสินใจซื้อใช้

และีแม้บีมจะพอทราบข้อมูลวงในมาพอสมควร แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรค่ะ เพียงแต่รู้ตื้นลึกหนาบางกว่าก่อนที่จะเข้ามาจำหน่ายสินค้าทำนองนี้ บีมก็จะไม่โจมตีผู้อื่นที่เค้าอาจจะทำอะไรไม่ถูกต้อง บีมจะไม่แฉ ไม่อะไรทั้งสิ้น บีมคิดว่าเค้าก็คงรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่เค้าทำนั้นมันเป็นอย่างไรค่ะ บีมก็ยังเชื่ออยู่ว่า กรรมมันมีจริง

ปลาเน่าตัวเดียว เหม็นทั้งเข่ง

บีมเองก็ได้รับผลกระทบจากการที่ผู้ประกอบการที่ไม่มีศีลธรรมและจรรยาบรรณก่อขึ้น บีมขายของอยู่ดี ๆ วันดีคืนดี คนกลุ่มนี้โดนจับ บีมก็โดนหางเลขในเรื่องของความไม่เชื่อใจของสินค้าที่จำหน่ายผ่านอินเตอร์เน็ตไปอีก แต่เราไม่ว่ากันค่ะ คนเรามันมีดีไม่ดีปนกันไป ใครทำไงก็ได้ไปอย่างนั้น บีมเองก็ต้องอาศัยความอดทนที่จะก้าวผ่่านจุดเปราะบางนี้ไปให้ได้ ก็ต้องใจเย็นน่ะค่ะ เนอะ...ทำอย่างไรได้

สำหรับวันนี้บีมมาชี้แจงเรื่องเลขทะเบียนนิดนึงค่ะ

เลขที่ติดอยู่ข้างฉลากอาหารเสริม ล็อตหลังนี้จะใช้เลขเดียวกัน และมี 12 หลัก เป็นเลข สธ. (สาธารณสุข)

ที่ไม่ใช่เลข อย. เพราะ ผลิตภัณฑ์ในล็อตของบีมนั้น ปกติจะเป็นแพทย์และสปาจัดจำหน่ายค่ะ แต่บีมพ่วงมา จึงระุบุเลข สธ. ตามล็อตของแพทย์ค่ะ

ก่อนจะมาถึงมือบีม ทุกอย่างถูกต้องตามขั้นตอน กฎหมายรองรับถูกต้อง ตรวจสอบได้ โปร่งใสค่ะ

ถ้าหากคุณไม่เชื่อ คุณสามารถถือกระปุกอาหารเสริมนี้เข้าไปที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือโทรเข้าไป แล้วแจ้งเลข สธ. นี้ให้เค้าค่ะ แล้วให้เค้าตรวจสอบให้คุณ

เลขที่ว่านี้คือ 104-08423-7-008 ค่ะ

และสุดท้ายนี้ก็คือขอบอกความในใจว่า บีมค่อนข้างเหนื่อยใจกับประเด็นนี้ค่ะ คือ ในวงการนี้ คนที่เค้าคิดเอาแต่กำไร ไม่สนใจว่าลูกค้าหรือผู้บริโภคจะเ็ป็นยังไงมันเยอะมากมายค่ะ และคนกลุ่มนี้ก็จะสร้างปัญหาได้ตลอดเวลา...คือ บีมไม่ได้ว่าตัวเองดีเลิศประเสริฐศรีนะคะ แต่บีมมีจรรยาบรรณและศีลธรรมมากพอที่จะไม่เบียดเบียนชีวิตของใคร และถ้าของบีมมันไม่ดีจริง บีมไ่ม่กล้าใช้เองหรอกค่ะ และคงขายมาไม่ได้ถึงป่านนี้

นอกจากนี้ บีมอยากให้ผู้บริโภคเข้าใจนิดนึงค่ะว่า ในทางการค้านั้น คนที่เค้าจ้องเขม่นบีมก็มี เพราะเห็นว่าเราขายดี เราดูแลลูกค้าดี ยอดเค้าตกบ้าง อะไรบ้าง แต่บีมก็ไ่ม่เคยใส่ใจตรงนั้นนะคะ ไม่ได้แก้แค้นอะไรกลับไป เพราะไม่เห็นประโยชน์ที่จะทำเช่นนั้น บีมเชื่อเสมอว่า ใครทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้นแหละค่ะ

บีมมีหน้าที่ดูแลลูกค้าให้เค้าได้รับสิ่งที่น่าพอใจที่สุด ก็เท่านั้น ขายทุกวันนี้ก็ไม่ได้อะไรมากมายหรอกค่ะ คนอื่นเค้าได้กว่าบีมหลายเท่า แต่บีมได้ความสุขใจถ้าลูกค้าใช้แล้ว happy และผิวดีขึ้นเหมือนที่บีมได้รับ ก็เท่านั้น

คือ นี่เป็นความในใจจริง ๆ มีอีกหลายสิ่งที่บีมบอกคุณไม่ได้ แต่ไม่ได้แปลว่าบีมมีอะไรปิดบัง ลึกลับซับซ้อน แต่ว่าขอให้คุณเข้าใจว่า บีมจริงใจต่อคุณ แต่บีมต้องระวังตัวเองจากผู้ประกอบการที่ไม่หวังดีต่อบีมด้วยเช่นกันค่ะ บีมไม่สามารถให้ข้อมูลทุกอย่างที่นี่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าบีมไม่จริงใจค่ะ

ถ้าคุณไม่เชื่อใจตรงนี้ บีมก็ไม่ซีเรียสนะคะ คุณสามารถใช้อะไรก็ได้ตามที่คุณสบายใจจะดีกว่าค่ะ อะไรที่ว่าดี อะไรที่ว่าพอใจ เลือกตามสบายคะ เพราะนั่นคือสิทธิของผู้บริโภคค่ะ บีมไม่เคยซีเรียสตรงนี้ เพราะ รู้ว่า เราก็เป็นเพียงทางเลือกหนึ่งในทางเลือกหลายพันทางเลือกสำหรับลูกค้า และไม่จำเป็นว่าทุกคนจะต้องมาชอบเราหรือของของเรา แต่ถ้าใช้ดี บีมก็มีความสุข ก็เท่านั้นเอง

หากมีข้อสงสัยตรงไหนก็ถามได้เสมอนะคะ เข้าใจลูกค้าค่ะ เพราะบีมเองก็เคยเ็ป็นลูกค้ามาก่อนเหมือนกัน...

ขอบคุณสำหรับความไว้วางใจค่ะ

Saturday, June 26, 2010

หลักพื้นฐานที่ควรปฏิบัติเพื่อผิวสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

เพื่อน ๆ เคยสงสัยมั้ยคะว่า ทำไมบีมถึงชอบใช้คำว่า "ยั่งยืน" หรือ Sustainable

บีมชอบคำว่า "ยั่งยืน" และชอบใช้คำนี้ และคำ ๆ นี้ก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในปรัชญาการดำรงชีวิตของบีมไปแล้วค่ะ ในทุก ๆ เรื่อง

คำว่ายั่งยืน ไม่ว่าคนอื่นจะแปลความหมายว่าอย่างไร แต่สำหรับบีมแล้ว คำว่ายั่งยืนหมายถึง ความต่อเนื่อง ความสมดุล ความพอเหมาะ ความพอดี และพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่ฝืนธรรมชาติ

ยกตัวอย่างคำว่า ยั่งยืน ในบริบทอื่น เช่น การเรียนหนังสือ

บีมเคยมีวิถีชีวิตแบบ "ไม่ยั่งยืน" มาก่อน รวมทั้งการเรียนหนังสือค่ะ

จำได้ว่า ตอนเรียนนั้น บีมไม่ทำกิจกรรมอย่างอื่นสักเท่าไหร่ค่ะ เรียนอย่างเดียว เราจะรู้สึกแปลกแยก และเหงา ๆ มีเพื่อนแต่เหมือนไม่มีนะคะ ทั้งที่เพื่อน ๆ ก็แสนดีกับเรา แต่เราเป็นคนชอบขังตัวเองอยู่ในโลกส่วนตัว

คิดอยู่แต่ว่า จะเรียนให้ชนะคนอื่นต้องทำยังไง

กลับมาตอนเย็น ก็ไม่ไปเล่นที่ไหนนะคะ นั่งอ่านหนังสือตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึงเที่ยงคืนทุกวัน ชีวิตแบบนี้เริ่มตอน ม.5 มั้งคะ บางวันก็ถึงตี 2

คือ มีแต่เรียนกับเรียน

ในที่สุด ก็ประสบความสำเร็จในการเรียน แต่อย่างอื่นในชีวิต คือ
  1. ความสัมพันธ์กับเพื่อนและครอบครัว (ติดลบอย่างแรง)
  2. สุขภาพ (ภูมิแพ้หนักขึ้นเรื่อย ๆ ปัญหากระเพาะ-ลำไส้ที่หนักขึ้น ความเครียด)
  3. ผิวพรรณ (ไม่มีเค้าผิวเด็กอายุวัยทีนเลย ถ้าไม่หาหมอหน้าจะโทรมมาก ๆ)
  4. การมองโลก (ติดลบมาก)
  5. ฯลฯ
อย่างอื่นล่มหมดเลยค่ะ ชีวิตไม่มีความสุขเลย

ชีวิตแบบนี้ จึงเรียกว่า ไม่สมดุล ไม่พอเหมาะ ไม่พอดี จึงไม่ยั่งยืน เราจึงดำเนินชีวิตแบบนั้นต่อไปไม่ได้

เมื่อมาพูดเรื่องสิว ฝ้า และผิวพรรณ วิถีทางที่ยั่งยืน หรือ สายกลางนั้น มันมีอยู่เหมือนกับเรื่องอื่น ๆ ในชีวิต

มันจะมีทางหนึ่งที่สมดุลและเราสามารถดำเนินวิถีทางนั้นต่อไปได้โดยที่ เราพอใจ เราสุขใจ และผลลัพธ์ก็ออกมาน่าพอใจอยู่เสมอ ๆ

ที่ผ่านมา บีมเคยหาหมอใช่มั้ยคะ บีมไม่โจมตีนะคะว่าการไปรักษาที่คลินิกนั้นไม่ดี เพียงแต่ว่า สิ่งที่บีมได้รับมันไม่น่าพอใจสำหรับบีมเท่านั้นเองค่ะ เพราะบีมไม่ชอบทายารักษาสิว กลิ่นมันเหม็นและทำให้หน้าที่แม้จะเรียบแต่รูขุมขนจะกว้างและมันเร็วมาก จะเลิกยาก็ไม่ได้ จะใช้เครื่องสำอางอื่นบำรุงก็กลัวว่าสิวจะขึ้นอีก ตากแดดก็ดำเร็ว กินยาก็มีปัญหากระเพาะลำไส้ ปัญหาตาแห้ง ภูมิแพ้ขึ้น ผมร่วง ไขมันในเลือดสูง บีมไม่ชอบน่ะค่ะ ก็ไม่อยากกลับไป อยากจะหลุดออกมา แต่ถ้าใครเจอคลินิกที่ดี เจอหนทางที่ตัวเองพอใจ ก็ดีแล้วค่ะ อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบและทัศนคติของแต่ละคน แต่ขอให้เข้าใจค่ะว่า บีมไม่มีเจตนาโจมตีคลินิกต่าง ๆ ค่ะ มันเป็นแค่ความรู้สึกส่วนตัวที่บีมไม่ชอบไปหาหมอ

สมัยนี้ก็มีคลินิกขึ้นมามากมาย วิธีรักษาก็มากมาย เลเซอร์เอย อะไรเอย ที่บีมยังไม่เคยลองก็มีมาก แต่ก็คิดว่าตอนนี้เราไม่ต้องไปทำอะไรแบบนั้นแล้ว บีมพอใจผิวที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ของบีมแล้ว ก็รอดูหลังจากคลอดน้องว่า ผิวของเราจะเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้ฮอร์โมนสูงและความเปลี่ยนแปลงก็สูงค่ะ จึงกำหนดควบคุมอะไรไม่ได้ และบีมก็ไม่อดอาหาร คือ กินปกติไปเลย เพราะกลัวลูกจะได้รับสารอาหารไม่ครบ ซึ่งผิวหน้าที่มีอยู่ทุกวันนี้ก็พอใจแล้วค่ะ ก็ประคองกันไปแบบนี้ก่อน แล้วค่อยมาว่ากันใหม่

จากความรู้สึกที่ว่า ผลลัพธ์จากการหาหมอมันไม่ยั่งยืน และมันทำให้เราพึ่งตัวเองไม่ได้สักที และต้องเสียเงินไปเรื่อย ๆ แบบไร้จุดหมาย ประกอบกับสถานการณ์เมื่อปีที่แล้วที่ทำให้บีมต้องอยู่บ้าน และไปหาหมอยาก เดินทางยาก ก็คิดว่าต้องพึ่งตัวเองให้ได้ ต้องรักษาสิวให้หายด้วยตัวเองให้ได้ ก็ค้นพบว่า วิถีที่ยั่งยืนนั้นคืออะไร

เพื่อน ๆที่มีเวลาสามารถอ่านเนื้อหาในบล็อก "ปฏิวัติความคิดพิชิตสิว" ของบีมได้ค่ะ บีมเริ่มเขียนบล็อกเพื่อให้เป็นไดอารี่ของตัวเองในการรักษาสิวตามแนวทางของตัวเองที่ต้องพึ่งธรรมชาติเป็นหลัก และมีความรู้อื่น ๆ ที่บีมได้มาจากการค้นคว้าแล้วนำมาเผยแพร่ให้เพื่อน ๆ อ่านกัน

และต่อมา บีมคิดว่าเนื้อหาในบล็อกค่อนข้างเยอะ หลาย ๆ คนไม่สะดวกอ่านจากอินเตอร์เน็ต บีมจึงทำหนังสือ Acne (First) Aid โดยลงทุนพิมพ์เองและจำหน่ายผ่านบล็อกเท่านั้นค่ะ เป็นการรวบยอดประเด็นสำคัญ ๆ ในบล็อก และเป็นแนวทางให้เพื่อน ๆ ปฏิบัติได้เลยหลังจากที่อ่านจบ ที่บีมทำก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้เพื่อน ๆ ที่ต้องการจะเข้าใจแนวทางที่บีมทำแต่ไม่สะดวกอ่านบล็อกค่ะ

ซึ่ง ณ ตอนนี้ มันก็ยังคงมีอะไรให้เรียนรู้อีกมากมายไม่รู้จบ แต่จากประสบการณ์ทดลองของตัวเอง จากของเพื่อน ๆ ที่อัพเดทกันเข้ามา บีมขอบอกว่า การจะมีผิวที่แข็งแรงขึ้นอย่างยั่งยืนได้นั้น โดยสรุปควรจะต้องมีสิ่งต่อไปนี้ค่ะ

  • ความอดทนและใจเย็น (ร่างกายไม่ใช่เครื่องจักรค่ะ เป็นชุมชนของเซลล์เป็นพันล้านเซลล์ การปรับจำเป็นต้องอาศัยเวลา เพราะเซลล์ของร่างกายแต่ละส่วนก็จะมีอัตราการเกิด-ตายไม่เท่ากัน และในแต่ละคนก็มีต้นทุนทางกรรมพันธุ์ที่แตกต่างกัน บางคนก็ได้ผลเร็ว บางคนก็ได้ผลช้า)
  • ความช่างสังเกตและเป็นนักวิทยาศาสตร์ (จะได้ตรวจสอบ ปรับปรุงวิธีการของตัวเองไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเจอวิถีที่ตนพอใจและใช้ได้กับตัวเอง)
  • ความคิดริเริ่ม (เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมที่สุดให้กับตัวเอง เพราะสภาพร่างกายและผิวแต่ละคนแตกต่างกัน)
แนวคิดที่ควรมี คือ ผิวที่ดีนั้น แท้จริงแล้วเริ่มจากภายใน อวัยวะภายในจะสะท้อนออกมาที่ภายนอกเสมอ ๆ แต่บางคนก็มีกรรมพันธุ์ที่ดี มีต้นทุนดี ผิวพรรณแข็งแรง จึงไม่ค่อยเป็นอะไรง่าย ๆ

แต่ก็มีหลายท่าน ที่เคยโทรเข้ามาปรึกษา ซึ่งแต่ก่อน ผิวไม่เป็นอะไรเลย แต่เมื่อเวลาผ่านไป หรือได้ไปทำอะไรกับผิว ก็ทำให้มีปัญหาในภายหลังได้เช่นกันค่ะ

อะไร ๆ ก็ไม่แน่นอนค่ะ

แม้คนผิวไม่เป็นอะไร แต่ถ้าสังเกตดี ๆ เค้าอาจจะมีอาการซีด ตาบวมช้ำ หรืออาการผิดปกติของร่างกายอื่น ๆ ที่เรามองไม่เห็น

ดังนั้น อย่าไปอิจฉาใครเลยนะคะ แต่ละคนก็ล้วนแต่มีปัญหาของตัวเองทั้งนั้น

คนที่อาการแสดงออกมาที่ผิวนั้นได้เปรียบมากกว่าเพราะ จะได้เริ่มปรับตัวตั้งแต่เริ่มแรกของอาการ

บางคนเป็นสิว เพราะ ท้องผูก ถ้าสิวไม่ขึ้น ก็ปล่อยให้ท้องผูกไปเรื่อย ๆ คิดว่าไม่เป็นไร ในที่สุดก็อาจจะมาได้ยินจากปากคุณหมอว่า เป็นมะเร็งระยะท้าย ๆ แล้ว

ส่วนคนเป็นสิว ถ้าแก้ที่อาการท้องผูก สิวก็อาจหายไปได้แล้วค่ะ ได้ประโยชน์สองต่อ คือ สิวหาย และ ลำไส้ก็สุขภาพดี

ความยั่งยืนที่บีมหมายถึง ณ ที่นี้ ที่อยากชี้ให้เห็นคือ นอกจากอาหารเสริมและ skin care ที่เพื่อน ๆ อาจจะกำลังตัดสินใจที่จะใช้ แม้มันจะสามารถให้ผลดีตามที่เพื่อน ๆ ต้องการ

แต่บีมไม่อยากให้เพื่อน ๆ ละเลยการดูแลเอาใจใส่ร่างกายทั้งระบบค่ะ เพราะนั่นคือการทำให้ผิวดีอย่างยั่งยืนจริง ๆ

เพราะแม้ในปัจจุบันนี้ บีมจะมาใช้เครื่องสำอาง 100% แต่บีมก็ไม่ละเลยที่จะดูแลสุขภาพให้ดีอยู่เสมอค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการนอนไม่เกิน 5 ทุ่ม ตื่นก่อน 7 โมงและถ่ายก่อน 7 โมง ทานผักผลไม้อยู่เสมอไม่ปล่อยให้ของเสียคั่งค้าง ระบายความเครียด ทำให้สุขภาพจิตดี อยู่กับธรรมชาติ และไม่ทานแป้งขัดขาวเยอะ ไม่ทานของผัด มัน ทอด เยอะ (การทาน 5 หมู่ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องกินคาร์โบฯ กับ ไขมัน เยอะขึ้นใช่มั้ยคะ ^^) และบีมก็ยังไม่ทานนมวัวอยู่ดี ทานนมถั่วเหลืองและโปรตีนจากแหล่งอื่นแทนค่ะ

ถ้าเพื่อน ๆ จะถามว่า ต้องกินอาหารเสริมนี้ไปนานเท่าไหร่ บีมก็ขอตอบว่า จนกว่าเพื่อน ๆ จะสามารถปรับระบบร่างกายให้สมดุลได้ ให้ระบบภูมิคุ้มกันเค้าทำงานเองได้ และวิธีต่าง ๆ หรือแนวคิดบีมก็เขียนไว้ใน "ปฏิวัติความคิด พิชิตสิว" แล้วค่ะ

แต่ถ้าเพื่อน ๆ ยุ่งมาก ๆ ชีวิตไม่ค่อยได้มีเวลาดูแลตัวเอง ขอให้ทำได้สัก 30-50% จากบล็อกก็พอค่ะ

โดยประเด็นสำคัญที่อยากให้ทำจนติดเป็นนิสัยคือ
  • นอนก่อน 5 ทุ่ม (เพื่อให้ตับแข็งแรง เม็ดเลือดแดงแข็งแรง ภูมิคุ้มกันแข็งแรง ซึ่งจะช่วยลดอาการติดเชื้อ อักเสบ หน้ามันในระยะยาวค่ะ)
  • ถ่ายให้สุดก่อน 7 โมงเช้า
  • ทานอาหารเช้าทุกวันให้อิ่ม (อาหารจริง ๆนะคะ ส่วนกาแฟ ยกไปเวลาอื่นเถอะค่ะ อย่าดื่มตอนเช้าเลย) อาหารเช้าสำคัญที่สุด และพยายามทานสิ่งที่มีประโยชน์ให้มากที่สุด
  • มื้อว่างเปลี่ยนจากขนมนมเนยที่มีไขมันและน้ำตาลสูงเป็นผลไม้สดที่ไม่หวานและมีไฟเบอร์เยอะ ๆ แทน หรือทานธัญพืชที่มีเส้นใยสูงค่ะ
  • ถ้าไม่สามารถทานผักสดได้วันละอย่างน้อย 1 มื้อ ควรทานอาหารเสริมที่เป็นไฟโตนิวเทรียนส์และวิตามินรวมหรือวิตามินบีรวมด้วยค่ะ
  • ออกกำลังกายให้เลือดลมหมุนเวียนทุกวัน วันละ 15 นาที หรือ 3 ครั้งใน 1 สัปดาห์ ครั้งละ 30 นาทีค่ะ
  • ระบายความเครียดให้ได้ทุกวัน โดยการเดินในที่ที่มีอากาศดี ๆ เล่นกับสัตว์เลี้ยง ปลูกต้นไม้ รดน้ำต้นไม้ นั่งสมาธิ ทำกิจกรรมสร้างสรรค์กับเพื่อน ๆ (ไม่นินทาว่าร้ายใครนะคะ ^^)
ทำแบบนี้ให้เป็นนิสัยนะคะ เพื่อปรับสมดุลให้ร่างกาย "อย่างยั่งยืน" จะได้ลดค่าใช้จ่ายด้าน skin care อาหารเสริม และยารักษาโรคในระยะยาวค่ะ เพราะ เรามีอย่างอื่นให้ enjoy อีกเยอะค่ะ อย่ามาเสียเงินกับเสียเวลาและเสียกำลังใจกับเรื่องผิวเยอะเลยค่ะ ชีวิตมันสั้นเกินกว่าจะมาเครียดแต่เรื่องผิวนะคะ ^^

เอาใจช่วยค่ะ

Thursday, June 24, 2010

ปัจจัยสำคัญที่ต้องนำมาพิจารณาเมื่อจะเลือกใช้ Skin Care

ก่อนจะตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ใด ๆ เราจำเ็ป็นต้องสำรวจ 3 อย่างด้วยกันค่ะ คือ
  1. ด้านจิตใจ - ผลลัพธ์ที่เราคาดหวังต่อผลิตภัณฑ์ และระดับความเสี่ยงที่คุณสามารถรับได้
  2. ด้านกายภาำพ - สภาพผิวปัจจุบันของเรา และประวัติการดูแลผิวของเรา
  3. ด้านงบประมาณการเงิน
3 ปัจจัยนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการประเมินว่าคุณจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อะไร และจำเป็นอย่างยิ่งในการวางแผนการใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อผลลัพธ์ที่คุณต้องการ

ในด้านจิตใจนั้น แต่ละคนมีความหลังฝังใจต่อผลิตภัณฑ์ skin care ต่าง ๆ ที่แตกต่างกันไป บางคนใช้อะไรก็ได้ ไม่มีปัญหา บางคนแพ้จนเข็ดขยาด ซึ่งตรงนี้ เดี๋ยวจะสัมพันธ์กับผลิตภัณฑ์ที่จะแนะนำให้ตามระดับความเสี่ยงหรือสภาพจิตใจที่คุณจะสามารถรับได้นะคะ โปรดติดตามต่อ

ด้านกายภาพ คือ ผิวของเรา ด้วยสภาพผิวของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป ผิวที่เคยผ่านอะไรต่อมิอะไรมามาก ย่อมมีสภาพความเสียหายเรื้อรังและมากกว่าผิวที่ไม่ค่อยได้สัมผัสกับอะไรมากมายค่ะ สภาพผิวจะสัมพันธ์กับด้านจิตใจของคุณ ซึ่งคุณจำเป็นจะต้องยอมรับความจริงว่า การฟื้นฟูผิวเสียให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืนนั้น ต้องใช้เวลามากกว่าคนอื่นๆ และในกระบวนการที่่ร่างกายซ่อมแซมตัวเองนั้น มักจะมีอาการบางอย่างไม่พึงประสงค์ ซึ่งอาการที่ว่า ที่หลายคนกลัวก็คือ สิวขึ้น

แต่ข้อสังเกตก็คือ ถ้าสิวขึ้นแล้วลงภายในระยะเวลาไม่นาน เช่น ไม่เกิน 2 สัปดาห์ แสดงว่านั่นเป็นสัญญาณที่ดีของการซ่อมบำรุงผิวของร่างกาย แต่ถ้าหาก 2 สัปดาห์แล้ว สิวยังไม่มีทีท่าว่าจะหายและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ก็ควรพิจารณาผลิตภัณฑ์นั้นอีกครั้งหนึ่งค่ะ

ด้านงบประมาณ การควบคุมงบประมาณด้านการดูแลผิวนั้น เป็นสิ่งที่คุณสามารถทำได้ค่ะ หากคุณมีแผนการดูแลผิวที่ชัดเจน มีการหาข้อมูลว่าจะเลือกวิธีใดในการดูแลผิวของคุณก่อน แล้วตัดสินใจ กำหนด timeline และระยะเวลาให้ัชัดเจนว่า คุณจะใช้วิธีนั้นนานเท่าไหร่จึงจะสามารถวัดผลได้ คุณไม่ควรปล่อยให้เวลาล่วงเลยไป เพราะคุณจะรู้สึกสูญเสียการควบคุมและส่งผลถึงการขาดความมั่นใจในตัวเองในที่สุด (ผลทางจิตวิทยา)

สิ่งสำคัญที่จะทำให้ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของคุณคือ
  • มีสติและอย่าใจร้อน
  • ศึกษาข้อมูลทุกอย่างให้ดีก่อนตัดสินใจเลือกวิธีใดวิธีหนึ่ง
  • กำหนดกรอบเวลาชัดเจนเพื่อกำหนดงบประมาณและผลลัพธ์ที่คาดหวัง
  • ตั้งความคาดหวังให้ตรงกับความเป็นจริง
ขอให้คุณโชคดีในการตัดสินใจใด ๆ ก็ตามค่ะ ^^